"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ย้อนคำอภิปรายมาร์ค-ถาวร ไม่ไว้วางใจรถเมล์ฉาว

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

หมายเหตุ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2551 เรื่องโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี ที่เป็นปัญหาจนถึงปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาดังนี้ 
เราต้องมีรัฐบาลที่ดีกว่านี้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมก็เลยกราบเรียนว่า นี่คือความล้มเหลว บังเอิญมีเรื่องซึ่งความจริงจะมีอีกคณะหนึ่งมาพูด เพราะว่าท่านก็ท้าทายไว้มาก คือเรื่องของปัญหาว่า ยังไม่เคยเซ็นสัญญา ยังไม่ได้ทำอะไรโยนหินถามทางก็มาอภิปรายไม่ไว้วางใจกันแล้ว "รถเมล์ครับ" ผมพูดสั้นๆ เท่านั้นเองครับ เพราะเดี๋ยวจะมีคณะที่เขารับผิดชอบมาพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะ
โยนหินถามทางเหรอครับ ผมมีเอกสารในมือผมวันที่ 16 มิ.ย. 2551 เป็นหนังสือที่ทางกระทรวงคมนาคมได้ทำเรื่องเสนอมาที่คณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็นำเสนอเพื่อที่จะให้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โยนหินถามทางของท่านนี่ 11 หน้านะครับ มีงบประมาณเรียบร้อย 111,690 ล้านบาท นี่เฉพาะเรื่องรถเมล์นะครับ ไม่นับโครงการเรื่องเกษียณอายุก่อนกำหนดหรืออะไรต่อมิอะไรอีก
อย่างนี้ไม่เรียกโยนหินถามทางเหรอครับ แล้วที่สำคัญลายเซ็นนี่ครับ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เสนอครม.เพื่อพิจารณา ก็ถ้าคิดว่าโยนหินถามทางหรือทำถูกต้องแล้ว ทำไมคนเซ็นให้เสนอครม.เพื่อพิจารณา ถอนเรื่องออกเสียเองล่ะครับ พอรู้ว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้ว 111,690 ล้านบาทนี้ ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่คิดกันขึ้นมาลอยๆ นะครับ

ผมก็ไปเอามาหมดแหละครับว่า ประมาณการงบประมาณ ที่บอกว่า 6,000 คันนั้น ทำไมมันถึงออกมาเป็นแสนกว่าล้าน ผมบอกเสียเลยนะครับว่า อย่ากล่าวหาฝ่ายค้านว่าจะไปขัดขวางการทำให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดีขึ้น พวกผมสนับสนุนครับ อยากให้ขสมก. มีกำไร อยากให้มีรถดีๆ ที่ประชาชนนั่งในราคาที่ถูก ใช้พลังงานทดแทน สนับสนุนครับ แต่ไม่สนับสนุนให้คนมาหากินกับเรื่องนี้

หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันกว่าล้านนี่ครับ เขาทำมาจากประมาณการหมดแหละครับว่า ไอ้รถ 6,000 คันนั้น ค่าใช้จ่ายแต่ละเรื่องเป็นอย่างไร เดี๋ยวมีคนมาขยายความครับ เอาง่ายๆ ว่า ค่าซ่อมก็แพงกว่าราคารถใหม่ ค่าที่บอกว่าจะไปทำระบบ E-Ticket กับ GPS นั้น ผมว่าแพงกว่าความเป็นจริงไม่รู้กี่เท่าตัวนะครับ

ค่าเช่าอู่แพงกว่าค่าจอดเรือยอชต์ ผลตอบแทนที่ให้กับคนที่จะมาเสนอให้เช่านั้น ดีกว่าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครับ 14% เดี๋ยวเรื่องนี้เป็นรายละเอียดครับ ผมเพียงแต่บอกว่า มากล่าวหาพวกผมว่า แค่โยนหินถามทางก็โวยวายแล้ว ไม่ใช่ครับ คิดทำกันมาเป็นระบบ นายกฯ เองเซ็นให้เข้าครม.แล้ว แต่เปลี่ยนใจเพื่อที่จะเอาออกมา

ขณะที่ นายถาวร เสนเนียม กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ในโครงการนี้ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2551 เช่นกันว่าเป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดทำแผนบริหารจัดการระบบขนส่งขสมก. มีการขออนุมัติโครงการรถเมล์เช่า 6,000 คัน อย่างเร่งรีบ เพื่อให้ส่งมอบรถภายในเดือนพ.ค. 2552 ทั้งนี้ตนเองเห็นด้วยกับหลักการที่จะเปลี่ยนเครื่องยนต์จากดีเซลเป็นเอ็นจีวี แต่คัดค้านเรื่องขสมก. เลิกบริการรถร้อน และเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย เพราะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน

โครงการนี้เกิดมาตั้งแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการนำรถใหม่ เอ็นจีวี 2,000 คัน เข้ามาวิ่งเมื่อมาถึงรัฐบาลชุดนี้ คณะกรรมการพัฒนาการขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้เช่ารถเมล์ โดยนายทรงศักดิ์รับไปสั่งให้ขสมก. ดำเนินการ 3 เรื่อง คือ ปรับปรุงรถขสมก. ปรับเส้นทางเดินรถ และเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ พร้อมนำรถที่มีขายทิ้งทั้งหมด เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ไม่มีการคิดจะนำเข้าสู่การพิจารณาตามพ.ร.บ.ร่วมทุน ทั้งที่โครงการลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ด้วยการเช่ารถปรับอากาศ 6,000 คัน วงเงิน 111,690 ล้านบาท ระยะเวลาเช่า 10 ปี หรือคันละ 18.6 ล้านบาท ค่าเช่าคันละ 5,100 บาท โครงการนี้นำเข้าครม. เป็นวาระจร วันที่ 10 มิ.ย. 2551 ครม.รับทราบ และให้ไปทำรายละเอียดเพิ่มเติม จากนั้นที่ประชุมครม. 16 มิ.ย. ได้ถอนวาระออก ถามว่าถ้าเกิดประโยชน์จริงจะถอนจากวาระทำไม

ตามแผนปรับปรุงและพัฒนา รัฐวิสาหกิจของขสมก. ประเมินว่า ค่าใช้จ่ายเช่ารถปรับอากาศเอ็นจีวี คันละ 4,193 บาทต่อวัน แต่โครงการที่เสนอครม. อนุมัติค่าเช่าวันละ 5,100 บาทต่อคัน จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้ปั้นแต่งตัวเลขสูงเกินจริง จะทำให้เอกชนที่ประมูลได้กำไร 10 ปี กว่า 4.8 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังทราบกระแสข่าวว่า มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะ 6,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้แต่งตัวเลขให้สูงเกินจริง เพื่อให้ครม.อนุมัติ โดยตัวเลขหากดำเนินการจริงปี 2553 ขสมก.จะมีกำไร 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 5,588 ล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งวิธีคำนวณรายได้สูงกว่าปกติ เรื่องนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินควรเข้าไปตรวจสอบ หรือส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
 
http://www.posttoday.com/politics.php?id=50287



check out the rest of the Windows Live™. More than mail–Windows Live™ goes way beyond your inbox. More than messages

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew