"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

"เรืองไกร" ยื่น ป.ป.ช.สอบ กกต.ใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองอบรม จนท.รัฐ-ส.ส.-ส.ว.ผิด กม.

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 11:20:42 น.  มติชนออนไลน์

"เรืองไกร" ยื่น ป.ป.ช.สอบ กกต.ใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองอบรม จนท.รัฐ-ส.ส.-ส.ว.ผิด กม.

"ส.ว.เรืองไกร"เล่นงาน กกต.ยื่นเรื่อง ป.ป.ช.ใช้เงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองจัดอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งตั้งขัดกฎหมาย-เจ้าหน้าที่รัฐเข้าเรียนฟรีอาจมีปัญหา

 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกวุฒิสภาระบบสรรหาเปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนว่า ได้ยื่นเรื่องต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าชอบด้วย กฎหมายหรือไม่กรณีจัดตั้งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งขึ้นในสำนักงาน กกต.โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 มาตรา 10 (14)  และจัดหลักสูตร การพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่  1 ประจำปี 2552 เชิญ ส.ส. กรรมการบริหารพรรคการเมือง   ส.ว. อดีต ส.ว.  ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยราชการ  หน่วยงานของรัฐ  องค์กรอิสระ บุคลากรจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรจากองค์กรวิชาชีพของสื่อมวลชน  บุคลากรจากองค์การเอกชน  และบุคลากรจากภาคเอกชน เข้ารับการศึกษาจำนวน 85 คน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาอบรม ยกเว้นค่าใช้จ่ายสมทบกรณีการศึกษาดูงานต่างประเทศ
นายเรืองไกรกล่าวว่า  การจัดให้มีการศึกษาอบรมในหลักสูตรดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณมาจากคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมือง  และจะขออนุมัติจัดจ้างคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยวิธีพิเศษ เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารการศึกษาอบรมตามโครงการ
  นายเรืองไกรกล่าวว่า  การศึกษาอบรมดังกล่าว มีการใช้งบประมาณดังกล่าวโดยไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้เข้ารับการศึกษา  จึงมีลักษณะที่คล้ายกับเงินได้พึงประเมินประเภทเงินรางวัลทางการศึกษาตามนัย ความหมายในประมวลรัษฎากร  ดังนั้น ผู้ที่จะเข้ารับการศึกษาอบรมจึงอาจเป็นผู้ได้รับประโยชน์ที่ขัดต่อกฎหมายใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 หมวด 9 การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม  มาตรา 103
 
ขณะที่หลักสูตรดังกล่าว กกต.อ้างอำนาจหน้าที่ตาม  พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 10 (14) ซึ่งกำหนดให้ กก ต.มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนหรือประสานงานกับหน่วยราชการ  หน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือสนับสนุนองค์การเอกชน ในการให้การศึกษาแก่ประชาชน เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน  และการช่วยเหลือในการตรวจสอบการเลือกตั้งตามมาตรา 25 ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
สำหรับ มาตรา 25 วรรคหนึ่ง  บัญญัติว่า องค์การเอกชนใดที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือการปฏิบัติงานของ กกต.ในการตรวจสอบการเลือกตั้งหรือการดำเนินการตามมาตรา 10 (14) ให้ยื่นคำขอต่อ กกต.   ถ้า กกต.ตรวจสอบแล้วเห็นว่าองค์การเอกชนนั้นมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความ สามารถที่จะปฏิบัติงานดังกล่าวได้  ให้ กกต.มีอำนาจรับรององค์การเอกชนนั้น
นายเรืองไกรกล่าวว่า  จากบทบัญญัติดังกล่าวเห้นว่า การ จัดการศึกษาอบรมตามหลักสูตรดังกล่าวน่าจะมิใช่เป็นการส่งเสริมและสนับสนุน หรือประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่ให้การศึกษาอบรมแก่ประชาชนทั่วไปตาม มาตรา 10 (14) และมาตรา 25 วรรคหนึ่ง 
จึงขอให้ประธาน ป.ป.ช.ตรวจสอบทั้งในส่วนของการใช้อำนาจหน้าที่ของ กกต.และของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ารับการศึกษาอบรมฟรีว่า ฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่
   

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1244434987&grpid=01&catid=01

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew