"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานใหญ่ รฟท รฟท. แจกตั๋วขึ้นแอร์พอร์ตลิงค์ฟรีรอบแรก 2 พันใบ


รฟท. แจกตั๋วขึ้นแอร์พอร์ตลิงค์ฟรีรอบแรก 2 พันใบ
รฟท. เตรียมพร้อมเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการโครงการระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมือง (แอร์พอร์ตลิงค์)
รฟท. เตรียมเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการโครงการระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมือง (แอร์พอร์ตลิงค์) โดยจะเปิดให้ประชาชน สามารถขอรับตั๋วโดยสารได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานใหญ่ รฟท. และจะต้องนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาใบอนุญาตขับรถ หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ มายื่นขอรับตั๋ว ซึ่ง 1 คนจะได้รับตั๋ว 2 ใบ ส่วนผู้ที่ไม่มารับตั๋วด้วยตนเอง รฟท. จะให้สิทธิ์ผู้ที่นำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นมารับแทนได้อีก 1 คน เท่านั้น
ทั้งนี้ ตั๋ว ดังกล่าว จะใช้เดินทางทุกวันพุธ ของเดือน ตุลาคม คือวันที่ 7,14,21,28 ตุลาคม 2552 เฉพาะในรอบบ่าย และเปิดให้ทดลองนั่ง เฉพาะรถไฟฟ้าแบบเอ็กซ์เพรส (มักกะสัน-สุวรรณภูมิ) ซึ่งรถที่ให้บริการแบบซิตี้ไลน์ (จอดทุกสถานี) ยังไม่เปิดให้ทดลอง มีตั๋วโดยสารที่เปิดให้ทดลองนั่งในรอบแรกนี้ รวมประมาณ 2,000 ใบ ส่วนในรอบต่อๆ ไป รฟท. จะประกาศให้ทราบเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวามคม 2552 คาดว่าจะเปิดแจกตั๋วทดลองนั่งได้ประมาณ 10,000 ใบ โดยจะเปิดให้ทดลองใช้ ในวันที่ 5,6,7 ธันวามคมนี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้ทดลองนั่งทุกวันเสาร์ทั้งรอบเช้า และรอบบ่าย

 
ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : จารุทรรศน์ สิทธิสมบูรณ์   Rewriter : อรจินดา บุรสมบูรณ์
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th



 วันที่ข่าว : 29 กันยายน 2552


--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org
http://www.lek-prapai.org/
http://www.paper4trees.org/index1.htm

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

ทรูมูฟติงให้บ.ลูกครึ่งประมูล 3G อาจผิดรธน./AIS-DTAC เสนอเพิ่มอายุไลเซ่นส์

ทรูมูฟติงให้บ.ลูกครึ่งประมูล 3G อาจผิดรธน./AIS-DTAC เสนอเพิ่มอายุไลเซ่นส์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 10 ชั่วโมง 20 นาทีที่แล้ว
         ทรูมูฟยกประเด็นตีกัน 2 รายใหญ่กลางประชาพิจารณ์ 3G ติงการให้สิทธิบริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้นเข้าประมูลเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ ด้านความมั่นคงที่กำหนดให้คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ ขณะที่เอไอเอส-ดีแทค ประกาศพร้อมสู้ทุกราคา แต่เรียงหน้าวิจารณ์หลายประเด็นยังไม่ชัดเจน เสนอปรับสาระสำคัญอายุใบอนุญาตเพิ่มเป็น 20-25 ปี จากข้อกำหนด 15 ปีเอกชนมองสั้นเกินไปไม่คุ้มค่าลงทุน 
        นายอธึก อัศวานนท์ รองประธานกรรมการ และ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมาย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) กล่าวในเวทีประชาพิจารณ์"ร่างสรุปข้อสนเทศการจัดสรรคลื่นความถี่ 3G รวมทั้งการประมูลและใบุอนุญาตคลื่นความถี 3G "ว่า ร่างสรุปข้อสนเทศที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)เปิด ให้รัฐวิสาหกิจต่างชาติเข้าร่วมประมูลได้ รวมทั้งบริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้น ได้แก่ เทมาเส็ก ที่ถือหุ้นใน ADVANC และ เทเลนอร์ ที่ถือหุ้นใหญ่ใน DTAC อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญด้านความมั่นคง
         "ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้รัฐวิสาหกิจต่างชาติเข้ามา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเข้าตามเกณฑ์ตามกฎหมายต่างด้าวก็ตาม ส่วนรัฐวิสาหกิจไทย ก็ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน" นายอธีก กล่าว
         ขณะที่นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร TRUE กล่าวว่า การที่กทช.เปิด ประมูลใบอนุญาต 3G โดยให้มีการแข่งขันด้านราคาใบอนุญาตไม่เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมของ ประเทศ ที่ปัจจุบันก็ล้าหลังประเทศอื่นอยู่แล้ว และไม่ได้สร้างการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
         ที่ผ่านมาผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายใหญ่มีอำนาจในการลงทุนในจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เสียส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานเดิมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมที่จะลงทุนและประมูลไลเซ่นส์ 3G ที่ราคา 3-4 หมื่นล้านบาท แต่ TRUE จ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานเดิมที่ 5-6 พันล้านบาท/ปี คงมีพร้อมที่จะลงทุนราว 5-6 พันล้านบาท หรือไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากเปิดเสรีจริงก็ต้องพิจารณาส่วนนี้ให้เป็นธรรม
         "ที่มีคนสบประมาทว่า TRUE มีหนี้เป็นจำนวนมากไม่สามารถประมูลได้แต่ผมยืนยันว่าผมพร้อมที่จะประมูล และสู้ขาดใจแต่ผมเป็นบริษัทคนไทยที่เหลืออยู่รายเดียวในอุตฯจะยืน หยัดสู้กับบริษัทข้ามชาติและรัฐวิสาหกิจที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในโทรคมนาคมไทย " นายศุภชัย กล่าว
         นายศุภชัย กล่าวว่า ในฐานะที่ทรูมูฟเป็นบริษัทของคนไทย ทั้งที่จริง ๆ แล้วบริษัทก็สามารถมีนอมินีต่างชาติเข้ามาถือหุ้น เพื่อสร้างอำนาจแข่งขันและต่อสู้กับบริษัทอื่นๆ แต่บริษัทต้องการดำรงสถานะความเป็นบริษัทของคนไทย และเห็นว่าคลื่นความถี่ก็เป็นสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่ต้องการให้ผู้ถือหุ้นต่างประเทศเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
         "ผมในฐานะที่เป็นผู้บริหาร TRUE ผมต้องการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และการทำสิ่งเหล่านี้เพื่อว่าอนาคตคนไทยจะ คำนึงถึงเพราะผมไม้ได้ทรยศต่อชาติและต้องการรักษาไว้ซึ่งอุตสาหกรรมโทร คมนาคม เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้บริษัทคนไทยก็ถูกต่างชาติเข้าครอบงำ พอปัจจุบันจะมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือไลเซ่นส์ 3G ผมต้องการให้มีความเสรีและเป็นธรรมในอุตฯนี้มากกว่าคำนึงถึงว่าใครมีเงิน มากกว่าก็สามารถได้คลื่นความถี่ไป"นายศุภชัย กล่าว  
         นายพรรัตน์  เจนจรัสสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและวิเคราะห์การตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส เห็นว่าใบอนุญาตให้บริการ 3G ควรจะมีอายุ 25 ปี จึงจะเหมาะสมกับการลงทุนที่มีวงเงินมหาศาล เพราะการกำหนด 15 ปีสั้นเกินไป
         นอกจากนั้น บริษัทยังมองว่ารูปแบบการประมูลตามกฎเกณฑ์ที่ออกมายังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร จึงจะส่งเอกสารให้กทช.เพื่อ พิจารณารายละเอียด และต้องการให้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์การกำหนดการพัฒนาโครงข่ายที่จะต้องได้ครอบ คลุมพื้นที่ 50% ของประเทศภายใน 2 ปี และ 80% ภายใน 4 ปี ควรจะกำหนดตามกลุ่มประชากรมากกว่าเพราะคลื่น 2.1 เมกะเฮิร์ซ เป็นคลื่นที่เหมาะสมกับการพัฒนาในพื้นที่เขตเมืองมากกว่าพื้นที่ชนบท
         รวมถึงเสนอให้จัดเวที Focus Group พูดคุยลงลึกในรายละเอียดอีกครั้ง
         ด้านแหล่งข่าวจาก บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)กล่าวว่า การที่ กทช.กำหนด กฎเกณฑ์ออกมาที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการประมูลใบอนุญาต 3G เช่น อายุสัมปทาน 15 ปี บริษัทเห็นว่าควรจะอยู่ที่ 20 ปี เพราะการคืนทุนต้องใช้เวลา เนื่องจาก กทช.มี ข้อกำหนดว่า 3G สามารถให้บริการควบคุมพื้นที่ 50% ของประเทศภายใน 2 ปีและ 80% ของประเทศภายใน 4 ปี ทั้ง ๆ ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้เวลาระยะสั้น ซึ่งบริษัทเห็นว่าไม่คุ้มกับการลงทุน และหากมีการกำหนดราคาค่าใบอนุญาตสูงเกินไปก็ไม่เหมาะสมกับการลงทุน
         "ไม่ใช่ว่ากทช.จะ กำหนดราคาแพงๆ หรือให้อายุสัญญาเท่าใดก็ได้เพราะหากไม่คุ้มกับการลงทุนบริษัทเอกชนทั้งใน และต่างประเทศก็อาจไม่เข้าร่วมประมูล ซึ่งอาจจะมีปัญหาภายหลัง ดังนั้น ควรมีการแก้กฎเกณฑ์เพื่อให้มีการประมูลผ่านไปได้" แหล่งข่าว กล่าว
         ทั้งนี้ DTAC ตั้งเป้าที่จะมีกระแสเงินสดภายในปีนี้ 1.2 หมื่นล้านบาทเพื่อที่จะนำมาลงทุนในการประมูลคลื่น 3G ส่วนเงินลงทุนโครงข่ายก็คงจะต้องมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เนื่องจากต้องใช้วงเงินลงทุนจำนวนมาก ส่วนการถือหุ้นของเทเลนอร์ยืนยันว่าถือหุ้นเพียง 49% และผ่านการตีความ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการเข้าประมูลตามกฎเกณฑ์ของ กทช.แต่อย่างใด                  
         ขณะที่ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ตั้งข้อสังเกตว่า กทช.ไม่ได้ชี้แจงหรือความอธิบายว่าโครงสร้างตลาดในอนาคตของธุรกิจโทรคมนาคมไทยที่จะ มีคลื่นความถี่ 3G เข้ามาใช้ ควรจะมีผู้เล่นกี่ราย รายเก่า และรายใหม่จำนวนเท่าใดกันแน่
         รวมทั้งการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าร่วมประมูล โดยเฉพาะการดูว่าเอกชนจะต้องมีสัญชาติไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของ กทช. และควรจะมีรายละเอียดชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะราคาเริ่มต้น ควรจะกำหนดให้รู้ในวันนี้เพื่อจะได้ถกกันว่าราคาช่วงไหนมีความเป็นไปได้ และผู้เข้าร่วมประมูลก็จะได้เตรียมตัวได้
         อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า หลังกทช.เปิดให้สมัครเข้าประมูล กทช.ให้เวลา 30 วันเท่านั้นก่อนจะมีสิทธิเข้าประมูล จะเห็นว่า เอกชนที่มีเงินทุนหนาจะได้เปรียบ หรือที่รู้ข้อมูลวงใน
         "กทช.จะต้องมีไอเดียดูภาพรวมใหญ่ของตลาด ผมมองงว่า กทช.ไม่ จำเป็นต้องแจกใบอนุญาตพร้อมกันทั้ง 4 ใบ ถ้ายังไม่มีผู้เล่นพร้อมเข้าประมูลก็ไว้ประมูลทีหลังก็ได้  แต่การทำแฝงความไม่โปร่งใส " นายสมเกียรติกล่าว
         ด้านตัวแทน บมจ.กสท โทรคมนาคม ก็เห็นด้วยว่า จำนวนผู้ให้บริการ 3G กี่ราย ซึ่งจะมีทั้งรายเก่าอยู่ที่ทำบนคลื่น 2G มีอยู่ 3 รายใหญ่ และ 2 รายเล็ก  และเท่าที่ดูตามข้อมูลมีผู่พร้อมเข้าร่วมประมูลได้ประมาณ 2 ราย และ กสท.เสนอให้ กทช.ประมูลคลื่นความถี่แบบวิธี Beauty Contest ไม่ใช่แข่งขันด้านราคา
         "process ให้แวลาไม่ถึง 2 เดือน แทบไม่มีให้รายอื่นเตรียมตัว มีผู้เข้าประมูล 2 รายที่เข้าประมูลได้"ตัวแทน กสท. กล่าว
         ขณะที่นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการ กทช. กล่าวว่า การเปิดประมูลคลื่นความถี่ 3G ไม่ได้เจตนาต้องการได้เงินมาก ๆ ให้รัฐบาล แต่เราเลือกวิธีการประมูล SMR หรือ การประมูลพร้อมกันแบบหลายรอบ เพราะเชื่อมั่นว่าเป็นวิธีการที่โปร่งใส และเกิดความเป็นธรรม เพราะเห็นว่าคนที่ได้คลื่นความถี่ไปก็ควรจะเป็นคนที่ตีราคาคลื่นเอง
         อย่างไรก็ตาม การให้บริการคลื่นความถี่ 3G ของไทยล่าช้ามาราว 10 ปี แม้ว่า กรรมการ กทช. บางคนที่ออกไปเป็นไปตามวาระแต่ตราบใดที่ยังไม่มีการแต่งตั้งก็ยังทำงานได้เหมือนเดิม และ กทช.ทุกคนจะทำงานจนกว่าจะมีคนใหม่เข้ามาแทน และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการทิ้งทวน แต่กลัวว่าจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มากกว่า


 
http://www.ryt9.com/s/iq05/675408/

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ประเมิน "อนุพงษ์" 2 ปีดับไฟใต้ "งบประมาณ" คิดเฉพาะงบประมาณปี 2552 ในประเด็นที่ว่า จำนวนเงิน 75,000 ล้านบาทของ กอ.รมน. / ตีโฉบฉวย

 ประเมิน “อนุพงษ์” 2 ปีดับไฟใต้ / ตีโฉบฉวย

เสือตัวที่ 625/9/2552

ประเมิน อนุพงษ์ 2 ปีดับไฟใต้

 

                ในบรรดา ขุนพล ที่จับงานดับไฟใต้อย่างหนักหน่วงและยาวนานที่สุดรอบ 2 ปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครเกิน บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์  เผ่า จินดา ผู้บัญชาการทหารบก (1 ต.ค.50-30 ก.ย.52) และรอง ผอ.รมน. (หลัง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีผลบังคับใช้ เมื่อ 28 ก.พ.51) เขาเป็นบุคคลหลักของกองทัพในการเสนอแนะนโยบายดับไฟใต้มายาวนานถึง 4 รัฐบาล (สุรยุทธ์-สมัคร-สมชาย และอภิสิทธิ์)

                ดังนั้นถ้าจะมีการประเมินผลการดับไฟใต้ในรอบ 2 ปี  บุคคลที่น่าจะประเมินที่สุด คงหนีไม่พ้น บิ๊กป๊อก ผู้กุมทั้งอำนาจการเมืองและการทหารในยุคปัจจุบัน

                มองย้อนกลับไปวันที่กองทัพบกถ่ายอำนาจจาก พลร่มป่าหวาย เป็น บูรพาพยัคฆ์ วันนั้น บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ  บุญยรัตกลิน ได้สั่งลาการแก้ปัญหาไฟใต้ว่า ฝ่ายเราต้องเตรียมการในเรื่องนี้ (ยุทธวิธี) ให้มากขึ้น

                ก็ไม่ทราบว่า บิ๊กป๊อก จะเก็ทไอเดียตรงนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เขาได้ฉีกตำราหลักการทำสงครามก่อความไม่สงบ ด้วยการตัดสินใจเอากำลังรบตามแบบของ 4 กองทัพภาค นั่นคือการทุ่มกำลังหลักทั้งกองทัพบก เข้าไปวางเดิมพันเกมดับไฟใต้ อย่างไม่ลังเล โดยตั้งโจทย์ว่า กำลังมากขึ้นเท่าไหร่ การแก้ปัญหาก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น

                สองปีผ่าน คำตอบไม่เป็นไปตามโจทย์ที่ตั้งไว้ เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่ได้เน้นย้ำกำลังทหารให้ ยุติเหตุร้ายรายวัน ถึงปัจจุบันสถานการณ์การก่อเหตุร้ายวัน ยังคงมีและเป็นเช่นเดียวกันกับก่อนเวลาการทุ่มกำลัง 4 กองทัพภาคลงพื้นที่ อาจจะมีข้อโต้แย้งว่าสถิติการก่อการร้ายลดลง นั่นเป็นการลดเพียงเชิงปริมาณ แต่ในเชิงคุณภาพนั้นน่ากลัวและเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การวางระเบิดคาร์บอมบ์เขตเทศบาลทั้ง 3 จังหวัดในเวลาใกล้เคียงกัน คงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว

                ฉะนั้นการนำกำลังทหาร 3-4 หมื่นคนลงไป เพื่อหวังจะอุดรูรั่วของสถานการณ์และพื้นที่แห่งความหวาดกลัว ถึงวันนี้คงอุดไม่อยู่แล้ว

                การประเมินจาก คำให้สัมภาษณ์ ตลอดระยะเวลา 2 ปี ตามวาระต่างๆ ก็เป็นตัวพิสูจน์ได้ว่า บิ๊กป๊อก มีความรู้ ความเข้าใจสงครามก่อความไม่สงบ สงครามกองโจร และสงครามประชาชนฉบับไฟใต้หรือไม่?

ถ้าเทียบชั้นหลักคิดกับ บิ๊กบัง แล้วถือว่าห่างชั้น เพราะ บิ๊กบัง รู้จักที่จะประยุกต์แนวคิดของเหมาเจ๋อตุง มาปรับใช้ในการอธิบายสงครามใต้ ไม่ว่าจะเป็น กวนน้ำให้ขุ่น” “การแยกปลาออกจากน้ำ” “การชนะโดยไม่ต้องรบ และ ลับ ลวง พราง ที่โด่งดังไปทุกวงการมาแล้ว

สำหรับ บิ๊กป๊อก ยังไม่เคยได้ยินแนวคิดดับไฟใต้ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของนักปฏิวัติสงครามประชาชน อย่างเช่น เหมาเจ๋อตุง โฮจิมินต์ โงเวียนเกี๊ยป เชกูวาร่า หรือแนวคิดของนักต่อต้านการก่อความไม่สงบ อย่างเช่น เซอร์ โรเบิร์ต ทอมป์สัน เดวิด กาลูล่า

การขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหาร ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ บิ๊กป๊อก พยายามที่จะสื่อลงไปให้ถึงทหารคนสุดท้ายในพื้นที่ 3 จชต. อย่างเช่น กอ.รมน.ภาค 4 สน.มีการจัดทำ มีโครงการตำบลสานสัมพันธ์ การจัดตั้ง ชุดพัฒนาสันติ ลงพื้นที่หมู่บ้านสีแดง และให้คลุกอยู่กับชาวบ้าน

 ฝ่ายแม่ทัพใหญ่ พล.ท.พิเชษฐ์  วิสัยจร มือหนึ่งการพัฒนาเพื่อความมั่นคงของกองทัพบก ก็พยายามจะรุกทางการเมืองด้วยการจัดทำ ศูนย์การเรียนรู้ฯ นำประชาชนมาอบรมสร้างอาชีพ ถามว่าสิ่งที่ทำเป็นงานการเมืองหรือไม่ คำตอบคือ ใช่ แต่มันเป็นภาพ “Micro” มากกว่า ภาพ “Macro”

ภาพการรุกทางการเมืองจะต้องเป็นภาพใหญ่ของ การเจรจาสันติภาพ (Peace Talk)” เพราะโดยหลักการทางยุทธศาสตร์แล้ว กำลังทหารพึงมีไว้เพื่อควบคุมสถานการณ์ (มิใช่ยุติสถานการณ์) และค่อยๆบีบบังคับให้กลุ่มก่อความไม่สงบ อ่อนกำลังลงและละทิ้งแนวคิดอุดมการณ์ เปิดช่องทางให้เขาเดินเข้าสู่ โต๊ะเจรจา ด้วยความสมัครใจ ภายใต้ ยุทธศาสตร์ Win-Win”

ในระหว่าง 2 ปีของ บิ๊กป๊อก มีปรากฏการณ์ที่น่าจะเปิดเกมรุกทางการเมืองได้ถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก กรณี พล.อ.เชษฐา  ฐานะจาโร แถลงการณ์ร่วมกับกลุ่มใต้ดินภาคใต้ ครั้งที่สอง พล.ท.ขวัญชาติ  กล้าหาญ กับกลุ่มสภาที่ปรึกษาปัตตานีมาเลย์ จากประเทศอินโดนีเซีย และครั้งสุดท้าย พล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ กับจดหมายเปิดผนึกของกลุ่ม BRN

แต่ทั้ง 3 เหตุการณ์ บิ๊กป๊อก ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อการคืบรุกทางการเมืองเลย ได้แต่ยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า กลุ่มพวกนี้เป็น ฆาตกร ไม่มีการเจรจาและต้องจัดการตามกฎหมาย ก็น่าคิดว่า กลุ่ม IRA กลุ่มอาเจาะห์เสรี หรือแม้กระทั่งสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย พวกเขาเป็น ฆาตกร มาก่อนหรือไม่?

อีกส่วนหนึ่งที่น่าจะประเมินก็คือ การทำหน้าที่ในฐานะ รอง ผอ.รมน. ภายหลัง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีผลบังคับใช้ งานที่เป็นเนื้อเป็นหนังก็คือ การปรับโครงสร้างกอ.รมน.ใหม่ โดยส่วนประสานงาน มีการจัดตั้ง ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 หรือ ศปป.5 ให้รับงานดับไฟใต้ทั้งหมด แต่มีการจัดตั้งศูนย์ฯแยกออกมาจากกอ.รมน.ใหญ่ที่สวนรื่น เอาไปไว้ที่บก.ทบ.

และเมื่อ กอ.รมน.มีฐานะเป็น ส่วนราชการ สามารถจัดทำงบประมาณเองได้ งบแก้ปัญหาภาคใต้ ก็พุ่งตรงไปที่ ศปป.5 แล้วถึงส่งผ่านลงไปที่กอ.รมน.ภาค 4 สน.

ถ้าจะให้ประเมินเรื่อง งบประมาณ คิดเฉพาะงบประมาณปี 2552 ในประเด็นที่ว่า จำนวนเงิน 75,000 ล้านบาทของ กอ.รมน. ในส่วนของ ศปป.5 ใช้ไปเท่าไร? กอ.รมน.ภาค 4 สน.นำไปบริหารเท่าไร? กองทัพบกรับไปจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์พิเศษเท่าไร? แล้วนำผลลัพธ์(Outcome)มากำหนดเป็นตัวชี้วัดตามสถานการณ์(Situational Indicator) มิใช่ใช้ตัวชี้วัดตามฟังก์ชั่น (Functional Indicator) ตาม สายงานฝ่ายอำนวยการอย่างที่กอ.รมน.กำลังทำอยู่ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับตัวชี้วัดของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา ระบบราชการ (ก.พ.ร.)

การประเมิน บิ๊กป๊อก ในรอบ 2 ปี ประเด็นแนวคิดการจัดกำลังทหารแก้ปัญหาไฟใต้ การเข้าใจปัญหาสงครามการก่อความไม่สงบภาคใต้  การใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารในชั้นเชิงการเจรจา การบริหารงบประมาณของกอ.รมน. สิ่งเหล่านี้ บิ๊กป๊อก คงจะได้หาวิธีการที่จะให้ความกระจ่างแก่ภาคการเมืองและภาคประชาสังคม   ในวาระอันใกล้ครบรอบสองปีนี้

..................

http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=4253&acid=4253

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

ประชาไท | Prachatai.com


  
From: ประชาไท หนังสือพิมพ <service@prachatai.com>
To: 
Sent: Monday, September 21, 2009 5:01:01 AM
Subject: ประชาไท | Prachatai.com

ประชาไท | Prachatai.com

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ชาวบ้านมาบตาพุดพบนายกฯ 'อภิสิทธิ์' เสนอองค์กรท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ นักกฎหมายเตรียมหันหน้าพึ่งศาล

Posted: 20 Sep 2009 02:32 PM PDT

ตัวแทนชาวชุมชนมาบตาพุด-บ้านฉาง รวมทั้งนักวิชาการ นักกฎหมายเข้าพบนายกรัฐมนตรี หารือแก้ปัญหามาบตาพุด นายกฯ เสนอ 5 กลไก โดยเฉพาะการมีองค์กรท้องถิ่นรูปแบบพิเศษบริหารพื้นที่ ด้านนักกฎหมายระบุเป็นเพียงแนวทางที่ว่างเปล่า หวังพึ่งศาลบังคับเกิดการแก้ปัญหารูปธรรม

read more

เครือข่ายภาคประชาชนจัดเสวนาสถานการณ์ทางกฎหมายที่ละเมิดต่อสิทธิชุมชน

Posted: 20 Sep 2009 10:39 AM PDT

17 เครือข่ายภาคประชาชนจัดเสวนาสถานการณ์ด้านกฎหมายที่ใช้จัดการกับการชุมนุมอันเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของชาวบ้าน กรรมการสิทธิฯ - ประธาน กป.อพช. หนุนสิทธิชุมชน ผลักดันให้สาธารณะให้ความสำคัญมากขึ้น  

read more

สายใยระหว่างทักษิณกับมวลชนเสื้อแดง

Posted: 20 Sep 2009 10:09 AM PDT

จากบทความของนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักปรัชญาชายขอบต่อยอดเป็นคำถามถึงแนวคิดระหว่างมวลชนเสื้อแดงกับบรรดาแกนนำว่ามีทิศทางและความกว้างไกลในระดับเดียวกันหรือไม่
 

read more

ผู้จำหน่าย 'NP Faster' รับคำท้า - เลื่อนทดสอบ 'แท่งประหยัด' เป็น 26 ก.ย.

Posted: 20 Sep 2009 09:34 AM PDT

นักทดสอบรถยนต์ชื่อดัง "ธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา' ระบุบริษัทรับปากร่วมทดสอบแท่งประหยัดด้วย แต่ขอเลื่อนเป็น 26 ก.ย.ที่กรุงเทพฯ

read more

ประชาชน 60 ประเทศร่วมเรียกร้อง หยุด ! การปลูกไม้เชิงเดี่ยวเพื่อการค้า

Posted: 20 Sep 2009 09:07 AM PDT

21 กันยายน "วันสากลเพื่อต่อต้านการปลูกไม้เชิงเดี่ยวเพื่อการค้า ประชาชนนับพันคนจาก 60 กว่าประเทศทั่วโลกร่วมกันลงนามในคำประกาศ "สวนป่าไม่ใช่ป่า – การแพร่ขยายการปลูกไม้เชิงเดี่ ยวต้องยุติ!"

read more

ไทยโพสต์แทบลอยด์ สัมภาษณ์ 'เกษียร เตชะพีระ': ปฏิรูปการเมืองมวลชน

Posted: 20 Sep 2009 08:21 AM PDT

"elite ไทยไม่อยู่ใน mood ที่จะปฏิรูประบบการเมือง…เขาต้องการให้ทุกอย่างนิ่งก่อน ในจังหวะที่ประเทศต้องการการปฏิรูปทางการเมืองมากที่สุด....ทางที่จะราบรื่นและก็บาดเจ็บเสียหายน้อยที่สุด คือเสื้อเหลือง เสื้อแดง elite เริ่มสานเสวนาเข้าสู่กันว่าบ้านเมืองจะมีการปฏิรูปอะไรบ้าง"

read more

3 ปีวันประหารรัฐประชาธิปไตย: เสวนาโดย ม.เที่ยงคืน

Posted: 20 Sep 2009 07:42 AM PDT

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนอภิปราย "3 ปีวันประหารรัฐประชาธิปไตย" 'สมชาย ปรีชาศิลปกุล' ชี้ 19 กันยา เป็นรัฐประหารต้นทุนแพงลากสถาบันทางการเมือง-สังคมลงมาอีเหละเขละขละ 'ชำนาญ จันทร์เรือง' เผยความโง่ 4 ประการของคณะรัฐประหาร 'อรรถจักร สัตยานุรักษ์' ระบุสังคมอยู่ในความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่เปราะบาง ตีกันง่ายขึ้น ฆ่ากันง่ายขึ้น วงอภิปรายยังหวังสังคมไทยกลับมายึดสันติวิธี

read more

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช

Posted: 20 Sep 2009 06:33 AM PDT

นศ.-คนงานรำลึก 3 ปี 19 ก.ย.49 หวังเป็นรัฐประหาร "ครั้งสุดท้าย"

Posted: 19 Sep 2009 11:45 PM PDT

สนนท.และสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ จุดเทียนรำลึก 3 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย. ชี้เป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการของอำมาตยาธิปไตยต่อประชาชน หวังเป็นการ "รัฐประหารครั้งสุดท้าย" พร้อมเป็นกำลังใจให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน เพื่อสถาปนาประชาธิปไตยเสรีสมบูรณ์ต่อไป

read more

กลุ่มชักธงรบประท้วงอธิการบดี ม.อุบลหนุนพันธมิตรทวงเขาพระวิหาร

Posted: 19 Sep 2009 09:43 PM PDT

คนเสื้อแดงกลุ่มชักธงรบ จ.อุบลราชธานี ชุมนุมรำลึก 3 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย. แห่โลงศพรอบเมืองประท้วงอธิการบดี ม.อุบลราชธานี และรองคณบดีคณะวิศวะ อ้างสนับสนุนพันธมิตรฯ บุกเขาพระวิหาร ก่อนจุดไฟเผาโลงหน้ามหาวิทยาลัย จุดประทัดสนั่น

read more


วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

แนวโน้มความปลอดภัยบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11517 มติชนรายวัน


แนวโน้มความปลอดภัยบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต





เมื่อ เดือนธันวาคม 2551 ไซแมนเทค คาดการณ์ทิศทางความปลอดภัยในปี 2552 ไว้นี้ พร้อมด้วยแนวโน้มน่าสนใจที่เด่นชัดในช่วงครึ่งแรกของปี 2552



การเพิ่มขึ้นของมัลแวร์หลากหลายสายพันธุ์

นัก วิจัยด้านความปลอดภัยของไซแมนเทค ตรวจพบและป้องกันการโจมตีจากโค้ดอันตรายกว่า 245 ล้านครั้งทั่วโลกในแต่ละเดือน ส่วนใหญ่เป็นภัยคุกคามที่ไม่เคยพบมาก่อนและแพร่ระบาดบนเว็บเป็นหลัก ผู้โจมตีระบบได้ปรับเปลี่ยนจากเป้าหมายในวงกว้างที่ใช้โค้ดอันตรายจำนวนไม่ มาก มาเป็นการโจมตีแบบจำกัดกลุ่มแต่ใช้โค้ดอันตรายที่แตกต่างกันนับล้าน

มัลแวร์ หลากหลายประเภทชนิดใหม่นั้นประกอบไปด้วยภัยคุกคามหลายพันรูปแบบซึ่งแพร่ ระบาดผ่านทั้งระบบไฟล์แชร์ (file sharing) อี-เมลและสื่อเก็บข้อมูลแบบพกพา ผสมผสานทำให้เกิดจำนวนมัลแวร์ที่มีลักษณะจำเพาะแบบนับไม่ถ้วน เป็นการประกาศเตือนถึงความจำเป็นในการค้นหาวิธีใหม่ในการตรวจสอบภัยคุกคาม ทั้งแบบที่สามารถตรวจจับได้ตามลักษณะสถานการณ์แวดล้อม (heuristics) การป้องกันแบบอิงตามพฤติกรรม และโมเดลด้านความปลอดภัยแบบอิงตามข้อมูลความปลอดภัยจากผู้ใช้ทั่วโลก



วิกฤตเศรษฐกิจ

การ โจมตีรูปแบบใหม่ในปี 2552 อาศัยวิกฤตเศรษฐกิจโลกเป็นช่องทางในการโจมตีผ่านทั้งฟิชชิ่ง (phishing) และอี-เมลขยะ (spam) เป้าหมายคือบรรดาผู้คนที่ตกงานเป็นจำนวนมาก นอกจากรูปแบบคำชวนเชื่อที่ชักชวนเรื่องของการทำงานที่บ้านซึ่งเราคาดการณ์ ไว้เมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้ยังพบรูปแบบอื่นๆ ด้วย ผ่านเว็บบอร์ดโฆษณาและประกาศสมัครงานต่างๆ โดยเห็นการหลอกลวงรูปแบบต่างๆ ที่พุ่งเป้าไปยังผู้คนซึ่งจำนองบ้านหรือกำลังมองหาช่องทางในการจำนองบ้านและ รีไฟแนนซ์ และยังมีการหลอกลวงอีกจำนวนหนึ่งที่แอบอ้างถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ภาครัฐในสหรัฐด้วย



เว็บเครือข่ายเชิงสังคม (social networks)

เว็บ เครือข่ายเชิงสังคมยังคงเป็นเป้าหมายที่ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้ไม่หวังดี ที่ล่อลวงผ่านทางฟิชชิ่ง เพราะการโจมตีแต่ละครั้งนั้นได้ผลตอบรับกลับอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น การโจมตีเว็บเครือข่ายเชิงสังคมชื่อดังผ่านรูปแบบต่างๆ ซึ่งฟิชเชอร์ได้เข้าควบคุมบัญชีผู้ใช้ของผู้อื่น และใช้เป็นทางผ่านในการโจมตีเพื่อนของผู้ใช้ดังกล่าวอีกต่อหนึ่ง หรือบางอย่างก็มาในรูปของเกมที่ปรากฏบนเว็บบล็อกชื่อดัง โดยที่ผู้เล่นจะถูกสอบถามรายละเอียดส่วนบุคคล ทั้งชื่อถนนของที่อยู่ และนามสกุลเก่าของมารดา โดยที่ผู้เล่นไม่มีโอกาสได้รู้ตัวเลยว่า เกมปลอมๆ ดังกล่าวได้แอบเก็บรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ใช้ไปเรียบร้อยแล้ว



อี-เมลขยะที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น

ปี 2551 ไซแมนเทคพบว่า อี-เมลขยะนั้นได้ลดลงไปกว่า 65% ในช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมงก่อนที่ McColo (หนึ่งในแหล่งต้นตอของปัญหาอี-เมลขยะทั่วโลก) จะถูกปิดตัวลง และในอีก 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น เรายังได้คาดการณ์ด้วยว่า ปัญหาอี-เมลขยะจะกลับมาอีกครั้งในระดับ 75-80% ซึ่งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ไซแมนเทคได้รายงานว่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ร่วมมือกันเพื่อสั่งปิดผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต อย่าง Pricewert LLC ที่เป็นอีกหนึ่งแหล่งต้นตอของอี-เมลขยะทั่วโลก ซึ่งถือเป็นตัวอย่างอันดีในการร่วมมือกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านความ ปลอดภัยที่ต่อสู้ร่วมกันเพื่อจัดการกับอาชญากรรมออนไลน์ อย่างไรก็ดี ปัญหาอี-เมลขยะนั้นยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดเดือนมิถุนายน คิดเฉลี่ยเป็นจำนวน 90% ของอี-เมลทั้งหมด นอกจากนี้ สแปมเมอร์ยังได้อาศัยเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น อาทิ การเสียชีวิตของไมเคิล แจ๊กสัน และปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมไปถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอิตาลี เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ผ่านอี-เมลขยะด้วย



ความก้าวหน้าของภัยคุกคามทางเว็บ

ภัย คุกคามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะบนเว็บ ซึ่งมีเป้าหมายหลักก็คือ ผู้ใช้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ที่ถูกลอบควบคุมสั่งการ และส่งผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยโค้ดอันตราย หนึ่งรูปแบบที่ใช้บ่อยก็คือ การสั่งให้เกิดการดาวน์โหลดโค้ดอันตรายโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว และเราก็ได้ตรวจพบการโจมตีผ่านเว็บไปยังโดเมนชื่อดังต่างๆ ผ่านสภาพแวดล้อมแบบเครือข่ายเชิงสังคม หนึ่งกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานและกลายเป็นข่าวดังก็คือ คำเชิญแบบปลอมๆ ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกบนเว็บเครือข่ายเชิงสังคมแห่งหนึ่ง ที่มาพร้อมกับไฟล์แนบและเวิร์ม (worm) สำหรับส่งอี-เมลขยะแบบอัตโนมัติ

นอก จากนี้ ยังพบการโจมตีแบบอื่นๆ ด้วย เช่น การเจาะแอพพลิเคชั่นผ่านโปรแกรมเสริมประเภทปลั๊กอิน หรือช่องโหว่ cross-site scripting ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเหนือการโจมตีรูปแบบเดิมที่ผ่านจาวาสคริปต์และ บราวเซอร์รุ่นที่ไม่ปลอดภัย

ขณะที่เราได้คาดการณ์แนวโน้มใหม่ในปี 2552 ก็ยังมีแนวโน้มอื่นๆ เพิ่มเติม และน่าจับตาในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ด้วยเช่นกัน

การ กลับมาของภัยคุกคามเดิมๆ ในปี 2552 : ช่วงครึ่งแรกของปี ภัยคุกคามแบบเดิมได้กลับมาสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้อีกครั้ง การปล่อยภัยคุกคามจำนวนไม่มากแต่ส่งผลกระทบในวงกว้างดังเช่น CodeRed และ Nimda กลายเป็นส่วนหนึ่งในเทคนิคการโจมตีที่ถูกใช้โดยเวิร์ม Koobface ที่แพร่ระบาดผ่านเว็บเครือข่ายเชิงสังคมและเวิร์ม Conficker ซึ่งเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนและระบาดอย่างหนักบนอินเตอร์เน็ต ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การระบาดของภัยคุกคามก่อนหน้านี้มักมีแรง จูงใจมาจากด้านการเงินเป็นหลัก (เช่น ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล การปล่อยโปรแกรมแอนตี้ไวรัสปลอม หรือการแพร่กระจายอี-เมลขยะ) เช่นเดียวกับโทรจัน Dozer ที่แพร่กระจายโดยการโจมตีแบบ DDoS (distributed denial of service) ทั้งนี้ เห็นได้ว่าเทคนิคในการโจมตีต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ยังคงถูกใช้ในภัยคุกคามในปัจจุบัน และเชื่อว่ามาตรการป้องกันแบบหลายชั้นที่รวมวิธีการปกป้องแบบดั้งเดิมเข้า กับปราการเสริมรูปแบบใหม่ เช่น การใช้โมเดลด้านความปลอดภัยแบบอิงตามข้อมูลความปลอดภัยจากผู้ใช้ทั่วโลกถือ เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง

ความร่วมมือในวงกว้างเพื่อจัดการกับปัญหา ความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ : เมื่อรูปแบบการโจมตีเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในระดับที่เข้มข้นถือเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการกับการแพร่ระบาดของภัยคุกคาม เหล่านั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ได้มีการก่อตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับเวิร์ม Conficker ขึ้นมาเฉพาะ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมและด้านการศึกษา เพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดของ Conficker ทั่วโลก

โดยมีทั้งนัก วิจัยด้านความปลอดภัย หน่วยงานด้านการจัดสรรชื่อโดเมนอย่าง ICANN (Internet Corporation for Assigned Names and Numbers) และผู้ให้บริการอีกจำนวนมากบนระบบชื่อโดเมน รวมไปถึงบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่ร่วมมือกันสกัดกั้นโดเมนที่เป็นเป้าหมายของ Conficker ซึ่งเราน่าจะได้เห็นความร่วมมือลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรม วงการการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อจัดการกับภัยคุกคามอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

โปรแกรมหลอกและสร้างความเข้าใจผิด ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ผู้โจมตีระบบนั้นได้เพิ่มความซับซ้อนและวางแผนมาเป็นอย่างดี และยังคงใช้แนวทางการเลียนแบบธุรกิจต่างๆ ที่มีชื่อเสียงเพื่อหลอกลวงเหยื่อ อาทิ โฆษณาอันตรายหรือ malvertisments ที่มาในรูปของโฆษณาแบบแฟลช ที่ส่งผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บปลอม โดยเลียนแบบเว็บไซต์ชื่อดังหลายแห่ง หรือที่มาในรูปของแอพพลิเคชั่นปลอมที่เรียกว่า scareware ที่เลียนแบบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสและโฆษณาถึงคุณสมบัติในการกำจัดภัยคุกคาม แต่เมื่อติดตั้งลงบนระบบคอมพิวเตอร์ กลับพยายามแจ้งเตือนผู้ใช้อย่างไม่ถูกต้องให้เชื่อว่าบนคอมพิวเตอร์ดังกล่าว มีภัยคุกคามอยู่มากมาย ผ่านการแจ้งเตือนด้วยหน้าต่างป๊อปอัพ ไอคอนบนแถบเครื่องมือ ฯลฯ โดยหลอกล่อด้วยการสแกนหาภัยคุกคามทั้งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และแสดงรายงานที่ผิดๆ ให้แก่ผู้ใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้หันมาซื้อผลิตภัณฑ์ปลอมที่โฆษณาถึงคุณสมบัติใน การจัดการกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทั้งที่ทำไม่ได้จริง โดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักถูกชักนำไปสู่หน้าเว็บสำหรับสั่งซื้อสินค้าและถูก หลอกล่อให้จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ในที่สุด


หน้า 26
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01epe01210952&sectionid=0147&day=2009-09-21

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/
http://newsblog9.blogspot.com/
http://bloghealth99.blogspot.com/
http://labour9.blogspot.com/
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html

ติดกล้องเหินตรวจความปลอดภัย

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11517 มติชนรายวัน


ติดกล้องเหินตรวจความปลอดภัย


คอลัมน์ จูนคลื่น

by waisang@matichon.co.th




หน้า ตาก็เห็นชัดว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ เพียงแต่ที่แตกต่างไป ตรงหัวเครืองบินลำนี้ติดกล้องดิจิตอลเอาไว้ ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้ภารกิจเป็นกำลังเสริมในการตรวจจับรักษาความปลอดภัยด้วย ยานพาหนะทางอากาศ (UAVs) ซึ่งใช้ในกิจการทหาร แต่ที่อยากบอกมากกว่านี้ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมา ด้วยการลงโปรแกรมลับ ซึ่งคนทำระบุตัวอย่างล่าสุดว่า เพื่อให้จับตาการบินในลักษณะ Cam III E Special Response นั่นคือ เฮลิคอปเตอร์บินในอากาศอัตโนมัติ เพื่อรับภาพมุมสูงที่ทะยานถ่ายสำหรับภาพยนตร์ เฮลิคอปเตอร์ติดกล้องได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆ ( helicopters UAV) เพื่อใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ในช่วงอากาศหนึ่งๆ มากว่า 20 ปี อาทิ ภาพยนตร์เรื่องเอรากอน (Eragon) แวน เฮลซิง (Van Helsing) ฉากที่มังกรและผีดิบจากทั้งสองเรื่องต้องบินโฉบไปมา กระทั่งมาถึงภาพยนตร์ แฮนค็อก (Hancock) และ จีไอ โจ (GI Joe : Rise) ก็ใช้กล้องติดเฮลิคอปเตอร์นี้เช่นกัน โดยบังคับทิศทางแบบออโตไพลอต (Autopilot)



รุ่น พัฒนาให้ดีขึ้นสามารถบินได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เทคออฟก็ได้ จากการเขียนโปรแกรม ( flightpath ) อ้างอิง System (AHRS) ระบบ Autopilot navigation แม่นยำ ยิ่งขึ้น ถือเป็นแพลตฟอร์มการออกแบบ (modular) เพื่อให้บินและสามารถดำเนินการต่างๆ น้ำหนักของเฮลิคอปเตอร์ ตกที่ 25 กิโลกรัม รวมขนาดกล้องเซ็นเซอร์กลางคืนที่สามารถส่งวิดีโอ HD ไปยังระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย ดูไปก็เร้าใจสำหรับภารกิจงานต่างๆ


หน้า 26

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01epe02210952&sectionid=0147&day=2009-09-21

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/
http://newsblog9.blogspot.com/
http://bloghealth99.blogspot.com/
http://labour9.blogspot.com/
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ทริคสุขภาพสำหรับคนชอบจ้อโทรศัพท์นาน

ทริคสุขภาพสำหรับคนชอบจ้อโทรศัพท์นาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กันยายน 2552 14:58 น.
 
การคุยโทรศัพท์นานๆนับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับ วัยรุ่นยุคนี้ไปเสียแล้ว ด้วยเนื่องอาจวัยรุ่นเป็นวัยที่ติดเพื่อนฝูง หรือไม่ก็ติดการใช้เครื่องมือสื่อสาร แต่ทว่าการบริโภคการสื่อสารมากเกินไปนอกจากจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมอันเคยชิน แล้ว บางทียังส่งผลต่อสุขลักษณะอนามัยของผู้ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วย
       
       เคยไหมเวลาที่เราคุยสนทนาพาทีแล้วติดพันจนลืมวาง ?
       หากแฟนๆของไลฟ์ ออนแคมปัส มีใครตอบว่า “เคย” เราก็จะขอถามต่ออีกข้อหนึ่งว่า หลังจากนั้นเคยรู้สึกบ้างไหมว่า หูของตัวเอง “ร้อน” เนื่องจากโทรศัพท์ร้อน หรือมีเลือดผสมหนองไหลออกมาจากหู ?
       
       และถ้าหากมีอาการเหล่านี้ หรือเกรงว่าจะมีอาการเหล่านี้ ก็อย่ารอช้ารีบไปไขข้อข้องใจกับไลฟ์ออนแคมปัสที่เก็บความรู้ฝากกัน
       
       “ สาเหตุของอาการนั้น มาจากการคุยโทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย เพราะความร้อนจากโทรศัพท์จะเข้าไปอยู่ในหู ทำให้เกิดอาการคัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการแล้วตัวเรายังคง แคะ หรือเกาก็จะทำให้ผิวหนังเป็นแผล ดังนั้นเชื้อโรคต่างๆ จึงสามารถเข้าสู่แผลได้ง่ายขึ้น ทำให้ช่องหูเป็นสิวหรืออักแสบได้ นอกจากนี้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์ยังเป็นตัวการทำลายเส้นประสาทในรูหู และเซลล์สมองอีกด้วย ทำให้เป็นเนื้องอกขึ้นมาได้”
       

       ส่วนวิธีป้องกันของบรรดาขาเม้าท์ชอบคุยโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ ล่ะก็อยากแนะนำให้ใช้ “สมอลล์ทอล์ค หรือบูลทูธ” แทน เพราะจะช่วยป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ จากนั้นให้นำสำลีจุ่มแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือวันละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค
       
       และก็ไม่เว้นแต่ขาเมาท์กระจายเท่านั้น เหล่าคอดนตรีก็มีเหตุให้ได้เสี่ยงเหมือนกัน ซึ่งเหตุนั้นก็มาจากเจ้า "หูฟัง" จากการใช้ฟังเพลงติดต่อเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความดันของคลื่นเสียง ซึ่งจะทำลายเซลล์ประสาทหูและเซลล์ขนในหู แต่ถ้าได้ยินเสียงเหมือนแมงหวี่ร้อง หรือเสียงวิทยุจูนผิดคลื่นตลอดเวลาล่ะก็ แสดงว่าเริ่มมีอาการประสาทรับเสียงเสียงเสื่อมนะ นอกจากนี้หูฟังที่ใช้ฟังเพลงนั้น ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้เป็นโรคหนองในหู และการอักแสบในช่องหูได้

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

       ทีนี้ลองตามมาดูวิธีป้องกัน 3 ข้อของนักฟังเพลงกัน
       ข้อแรกให้เริ่มที่ตนเองคือ ควรที่จะเปิดเสียงในเครื่องเล่นเอ็มพี 3ให้มีระดับความดังเพียงแค่ครึ่งเดียวของระดับเสียงที่เครื่องมีอยู่ จากนั้นก็อย่าเพิ่งรักดนตรีจนมากเกินไปอยากให้เลือกสถานที่และเวลาจงเลือกฟังเพลงในช่วงเวลาที่ต้องการเท่านั้น เพื่อเป็นการช่วยหยุดพักการทำงานของหู ถัดมาข้อสุดท้ายอันนี้สำคัญ คือ หลีกเลี่ยงการใช้หูฟังร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อโรคได้ ควรที่จะเปลี่ยนฟองน้ำและทำความสะอาดหูฟังเป็นประจำ
       
       เอาล่ะ !เพื่อสุขภาพร่างกายของตัวเอง อย่างไรซะจึงควรที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ , เครื่องเล่นเพลงเอ็มพี 3 ฯลฯ ให้เหมาะสมไม่มากจนเกินไป และดูแลสุขลักษณะกันเสียหน่อยปิดกั้นบรรดาช่องทางโรคแปลกๆต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ให้รุกลาม

http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000108050


--
Web link
http://www.cloudbookclub.com/about.htm
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://sundara21.blogspot.com/
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com
http://blogok09.blogspot.com
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049
http://www.ias.chula.ac.th/Thai/modules.php?name=NuCalendar

สุกรี พัฒนภิรมย์ เจ้าพ่อ Twitter



 

สุกรี พัฒนภิรมย์ เจ้าพ่อ Twitter


สมคิด เอนกทวีผล
 Positioning magazine   กันยายน 2552

บุกเบิกใช้ Twitter เป็นคนแรกๆ ของไทย แถมยังนำมาเผยแพร่ ทั้งในเวทีสัมมนา ยังส่งข้อความ Tweet ทั้งวัน จนได้รับฉายา “เจ้าพ่อ Twitter” ไปครอง

สุกรี พัฒนภิรมย์ ในชื่อทวิตเตอร์ว่า @sugree นักวิจัยด้านคอมพิวเตอร์ระดับปริญญาเอกแห่ง ม.เกษตรศาสตร์ได้รับการยอมรับว่าให้เป็น “Evangelist” ผู้บุกเบิกเผยแพร่การใช้งาน Twitter ในไทยคนแรก เป็นที่ยอมรับในหมู่นักเล่น Twitter ไทยแทบทุกคน

“ผมเริ่มรู้จักและชอบเล่น Twitter ตั้งแต่กันยายนา 2007 เพราะมีเพื่อนมาจากอเมริกา เดินทางรอบโลกด้วยเงินบริจาค ไปเที่ยวที่ไหนก็ส่ง Tweet บอก Follower ที่ตามอ่านเขาอยู่ตลอด เขาแวะมานอนที่บ้านผมสัปดาห์หนึ่ง มากดใช้งานให้ดู ผมก็สมัครแล้วก็ใช้มันตั้งแต่นั้นมา”

สุกรีใช้ทวิตเตอร์บอกเล่าทุกอย่างในชีวิต ตั้งแต่การเลี้ยงลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม อาหารการกิน การทำงานในศูนย์คอมพิวเตอร์ โดย Tweet แทบจะทุกๆ 10 นาที รวมแล้ววันละเป็นร้อยครั้ง จนกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้เชี่ยวชาญไอที

“ผมชอบ Twitter ตรงที่มันอยู่กับเราตลอดเวลา ไม่เหมือนอย่างอื่นที่มีข้อจำกัดเยอะ ถ้าเทียบกับของที่มีอยู่แล้ว อย่าง MSN Messenger ใช้บนมือถือได้ยากกว่า และไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้ได้ อัพโหลดรูปส่งลิงค์ขึ้นไม่ได้ คือไม่ว่าอะไรมันก็ต้องการอย่างน้อยโน้ตบุ๊ก แค่มือถือยังไม่สะดวกพอ ไม่เหมือน Twitter ที่สะดวกกว่ามาก ไม่ต้องมานึกชื่อเมล ไม่ต้องมาสนใจว่าเขาออนไลน์อยู่หรือเปล่า”

แม้ทุกวันนี้จำนวนผู้ใช้ Twitter จะยังห่างจาก Facebook หรือ hi5 ทั้งในระดับโลกและในไทย แต่สุกรีมองว่าอิทธิพลมหาศาลที่แท้จริงของ Twitter นั้นไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้ใช้ แต่อยู่ที่การที่มันได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนสื่อสารถึงกันบนอินเทอร์ เน็ตอย่างสิ้นเชิง


นอกจากการใช้งานบนคอมพิวเตอร์แล้ว สุกรียังพบว่า การทวิตเตอร์ผ่านมือถือนอกจาก เสียค่าใช้จ่ายไม่มาก ยังสามารถติดต่อกับเพื่อนๆ หรือใครก็ได้โดยไม่ต้องรู้เบอร์ และยังสื่อสารถึงกันได้ตลอดทั้งวันๆ ละหลายๆ ครั้ง
“ผมไม่เคยรู้อีเมลนายกฯ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีมือถือรึเปล่า เว็บไซต์ก็ซับซ้อนและต้องใช้เวลาถึงจะคุ้นเคย แต่ Twitter ถ้าคุณเคยใช้แล้วมันก็ง่าย และเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเข้าไปอ่านข่าวสารจากนายกฯ จากดารานักร้อง จากบริษัทไหน หรือแค่คุยกับเพื่อนก็วิธีเดียวกันหมด”

ด้วยความรู้จริงในเรื่องทวิตเตอร์ก่อนใคร เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทวิตเตอร์ระดับตัวพ่อ แถมยังเคยสร้างระบบ Twitter เล็กๆ ของตัวเองมาก่อนในชื่อ Jibjib (จิ๊บๆ) เป็นที่ยอมรับและลองใช้งานในหมู่โปรแกรมเมอร์ไทยหลายคน จน HTC จ้างให้เขียนโปรแกรมช่วยสำหรับใช้งานทวิตเตอร์ (Twitter Client) ให้กับเครื่อง HTC Magic ใช้ระบบปฏิบัติการ Android

ด้วยภารกิจที่รัดตัวและชื่อเสียงที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้จำนวน Tweet ต่อวันของสุกรีลดลงไม่ถี่ยิบเบ็ดเตล็ดเหมือนแต่ก่อน แต่ก็หลากหลายกว่าเดิม มีเรื่องอื่นๆ นอกจากชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น

Work “งาน ส่วนใหญ่เป็นปัญหา และความคืบหน้า สื่อสารกับผู้ร่วมงานทั้งในและนอกองค์กร”
Life “สิ่งที่เจอผ่านตา อาหาร รถ ตามถนน”
Family “ลูกเมีย กิจกรรมที่บ้าน”
Fun “เน้นขำขัน แซวไปเรื่อย”
Information “ประกาศข่าว กระจายข้อมูล”
Support “ตอบปัญหาเท่าที่จะตอบได้ หรือส่งให้คนอื่นที่น่าจะตอบได้”

จากการบูมของทวิตเตอร์ครั้งนี้ ชีวิตบนทวิตเตอร์ สุกรี พัฒนภิรมย์ มี Work, Information และ Support เพิ่มเข้ามามหาศาล แต่ด้วยความเป็นตัวของตัวเองอย่างสูง ส่วนที่เป็น Life, Family & Fun ก็ยังจะติดตามอ่านบน twitter.com/sugree ต่อไปอย่างแน่นอน

http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=82368 



--
Web link
http://www.cloudbookclub.com/about.htm
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://sundara21.blogspot.com/
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com
http://blogok09.blogspot.com
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049

--
Web link
http://www.cloudbookclub.com/about.htm
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://sundara21.blogspot.com/
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com
http://blogok09.blogspot.com
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำเงินบนโลกไอที (14) : กฎทองในการตั้งชื่อโดเมน

ทำเงินบนโลกไอที (14) : กฎทองในการตั้งชื่อโดเมน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2552 10:32 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สถิติจำนวนผู้จดโดเมน .th ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง


สถิตินามสกุลหรือ"ดอท"ในโดเมนเนมของแต่ละประเทศทั่วโลก (ภาพอาจมีขนาดใหญ่มาก ทีมงานไม่สามารถย่อภาพได้เนื่องจากอักษรที่เล็กมาก)

ทำเงินบนโลกไอทีสัปดาห์นี้ยังคงว่าด้วยเรื่องการลดต้นทุน หลายคนอาจจะงงว่าการตั้งชื่อโดเมนเนมจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร คำ ตอบคือหากชื่อโดเมนเว็บไซต์ของเราจำง่ายและเหมาะสม ก็จะทำให้เราประหยัดพลังเงินและพลังงานในการทำ SEO หรือการทำชื่อโดเมนเนมให้ติดอันดับผลการสืบค้นของเสิร์ชเอนจิ้นได้
       
       ***ลดรายจ่ายในธุรกิจไอที - เลือกชื่อโดเมนให้เหมาะกับธุรกิจ
       (บทความโดย ภาคภูมิ ไตรพัฒน์ www.thnic.co.th)
       
       ผมนั่งดูสถิติจำนวนผู้จดโดเมน .th ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสิ้นปีที่แล้วถึงปีนี้ ดูเหมือนว่ากระแสความตกต่ำทางเศรษฐกิจในประเทศจะส่งผลตรงข้ามกับธุรกิจออ นไลน์ น่าจะเป็นไปได้ว่ามีการอพยพหนีกระแสลบจากธุรกิจออฟไลน์ เข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ที่คงจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งเพื่อกู้สถานการณ์ตอนนี้
       
       สาเหตุที่ธุรกิจออนไลน์พากันเจริญเติบโต อันเนื่องมาจากต้นทุนที่ต่ำกว่าธุรกิจแบบทั่วไปมาก ที่เห็นได้ชัดอย่างแรกเลยคือ ไม่ต้องไปหาเช่าอาคารพาณิชย์ 2 คูหาห้องมุม ติดย่านธุรกิจ เพื่อจะเปิดเป็นหน้าร้านหรือโชว์รูม ซึ่งราคาก็คงอยู่ที่หลายล้านบาท จนไปถึงหลายสิบล้านบาท สู้มาเปิดหน้าร้านออนไลน์ เสียค่าจดโดเมน ค่าเช่าโฮสต์ แถมด้วยค่าออกแบบเว็บไซต์แทนที่จะไปเสียค่าตกแต่งร้าน รวม ๆ แล้วน่าจะอยู่ในเกณฑ์หลักหมื่น หรือแสน ก็แล้วแต่ความหรูหราของเจ้าของร้าน แต่ที่แน่นอนลดต้นทุนแรกเริ่มลงไปได้โขทีเดียว
       
       อันดับต่อไปคงเป็นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้านเราให้คนรู้จัก ตอนนี้เราไม่มีห้องหัวมุมในแหล่งชุมชน แต่เราก็ยังต้องการคนมาเดินผ่านหน้าร้านเราอยู่ดี เหล่านี้คงต้องพึ่ง Search Engine และการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้หน้าร้านเราเข้าไปอยู่ในอันดับต้น ๆ เพื่อให้คนผ่านตาและพร้อมที่คลิ้กเข้ามา แล้วแทนที่เราจะเอาแผ่นพับไปแจก เอาโปสเตอร์ไปติด ไปเช่าเวลาไม่กี่วินาทีในโทรทัศน์วิทยุ มาทำโฆษณา ซึ่งสนนราคาเป็นแสนกันเลยทีเดียว เราก็สร้างลิงค์ ติดแบนเนอร์ ตามเว็บไซต์ที่มีกลุ่มลูกค้าเราอยู่ ดูน่าจะเป็นวิธีที่ประหยัดกว่ามาก
       
       ทีนี้หันมาดูทางด้านโดเมน เมื่อทำธุรกิจออนไลน์ โดเมนก็เปรียบเสมือนชื่อร้าน ชื่อร้านที่ลูกค้าเราจะจำเราได้ ซึ่งจะเป็นชื่อร้านที่เหล่า search engine เช่น Google หรือ Yahoo จะรู้จักเรา และดึงหน้าร้านของเราไปแสดงผ่านสายตาลูกค้า
       
       การ มีชื่อร้านที่เหมาะสมก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระได้มากทีเดียว อย่างไรหรือครับ ขออธิบายอย่างนี้ครับ เมื่อชื่อเป็นที่เข้าใจได้ของผู้พบเห็น เช่นเกี่ยวกับสินค้าที่เราขาย ก็ง่ายต่อการจดจำของลูกค้า จากนั้นการจะสร้างแบรนด์จากชื่อโดเมนก็ไม่ใช่เรื่องยาก จะเอาชื่อโดเมนเราไปแปะไว้ตรงไหน ก็ง่ายที่คนจะจำได้ และลูกค้าก็ง่ายที่จะกลับมาใช้บริการเราอีก
       

       ยิ่งไปกว่านั้นหากชื่อโดเมนเราง่ายต่อการเข้าใจของ search engine ด้วยแล้ว ก็จะทำให้เราประหยัดพลังในการทำ SEO ลงไปได้ด้วย ทีนี้ก็มาลองดูกันซิครับ ว่าเทคนิคและขั้นตอนที่จะช่วยในการเลือกโดเมนที่ผมเรียกว่า “เหมาะสม” มันควรจะมีอะไรบ้าง
       
       1.เริ่มด้วยการมองธุรกิจตัวเองครับ ว่าเราขายอะไร แล้วเขียนคีย์เวิร์ดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องออกมาครับ รวมทั้งคำต่าง ๆ ที่จะอยู่ในเว็บไซต์ของเรา หรือแม้แต่คำหรือคีย์เวิร์ดที่อยู่ในเว็บไซต์อื่นที่ทำธุรกิจเดียวหรือใกล้ เคียงกับเรา
       
       2.จากนั้นเอาคำเหล่านั้นมาเลือก โดยให้คะแนนตามคุณสมบัติดังนี้ครับ
       
       2.1สั้น
       2.2จำง่าย
       2.3ไม่งง
       2.4พิมพ์ผิดยาก
       2.5ตรงกับธุรกิจหลักของเรา
       2.6ออกเสียงได้
       2.7ความหมายในทางกว้าง หรือ เฉพาะเจาะจง เช่น เราทำเว็บเกี่ยวกับรถ ควรเลือกคำว่า CAR หรือหากเราจะทำเว็บรถฟอร์ด ก็ควรจะเลือกคำว่า FORD และอยากให้สังเกตนิดครับว่า คำที่ “สั้น” ไม่ใช่คำที่ “จำได้ง่าย” เสมอไป เช่นเราต้องการใช้คำว่า “This Name Is Good Oh My God” ลองพิจารณาดูครับว่าระหว่าง 2 โดเมนนี้ ใครจำง่ายกว่ากัน “tnigomg.in.th” กับ “ThisNameIsGoodOhMyGod.in.th” คุณจะเลือกอันไหน
       
       3.เมื่อได้ชื่อแล้ว ก็เลือกดอท ว่าจดดอทอะไรดี .com หรือ .co.th หรือ .in.th หรือ อื่น ๆ
       
       ไม่ว่าจะจดดอทอะไร เราก็สามารถมีลูกค้าได้ทั่วโลกเช่นเดียวกัน และเราอาจจะจดไว้มากกว่า 1 ดอท เพื่อดักความสับสนของผู้ใช้งานเอาไว้ การ เลือกใช้ดอทท้องถิ่น เช่น .th ก็จะดีหากต้องการให้คนรู้ว่า เราเป็นธุรกิจไทย เนื่องจาก .th มีการตรวจสอบการมีตัวตนของเจ้าของโดเมน ซึ่งจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ด้วย
       
       4.เข้าไปเช็คตามผู้ให้บริการของดอทนั้น ๆ ว่า ชื่อที่เราเลือกว่างอยู่หรือเปล่า ถ้าว่าก็จดเลยครับ อย่าช้าอยู่ แต่ถ้าไม่ว่าง ก็ให้ลองทำข้อต่อไปครับ
       
       5.ให้เอาคำที่เลือกมาขยายด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
       
       5.1ใช้คำที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกัน แต่เปลี่ยนรูป เช่น แปลงเป็น คำนาม, คำกริยา, คำวิเศษณ์ .... เช่น Fly, Flight, Flew, Flyer
       5.2เติมตัวเลขลงไปในคำ
       5.3เติมคำนำหน้า เช่น The หรือ My
       5.4เติมเครื่องหมายขีด “-“ ซึ่งเป็นอักขระพิเศษตัวเดียวที่สามารถอยู่ในโดเมนได้
       
       ตรง นี้มีประเด็นอยู่นิดครับ คือ หากเรามุ่งเน้นให้คนจำชื่อเว็บเราได้และบอกต่อ ไม่ควรจะใส่ขีด เพราะคนส่วนใหญ่เวลาจดจำไปจะไม่ได้จำขีดไปด้วย ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้จะจำได้ แต่เวลาบอกต่อไม่ได้บอกขีดไปด้วย ทำให้เกิดความสับสนขึ้นได้ แต่ที่กลับกันคือ “ขีด” จะมีผลดีในการช่วยแบ่งคำเพื่อให้ search engine เข้าใจถูกต้องมากขึ้น
       
       5.5เช่นเดียวกันกับข้างบนครับ เมื่อจะต้องเติม S ควรพิจารณาดี ๆ เพราะ S จะยากสำหรับการบอกต่อเช่นกัน
       
       6.สิ่งที่ต้องระวังในการตั้งชื่อคือตัวอักษรที่จะสร้างความสับสนเช่น O (โอ) และ 0 (ศูนย์) หรือ l (แอล), 1 (หนึ่ง) และ I (ไอ)
       
       ควรเลี่ยงตัวอักษรเหล่านี้ในบางตำแหน่งที่จะทำให้คนเข้าใจผิดได้ เช่น fun0.in.th แบบนี้จะทำให้ตัดสินใจยากว่า เป็นศูนย์หรือโอ
       
       7.เมื่อได้คำใหม่แล้ว ก็ให้วนกลับไปทำตามข้อ 4 และทำไปเรื่อย ๆ หากชื่อที่ต้องการยังไม่ว่าง
       
       ต้องจำไว้นิดครับว่า “คนจะไม่จำ เพียงเพราะเราอยากให้เขาจำ” ฉะนั้นคงต้องสละเวลาพอสมควรในการคิดค้นชื่อ เริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งครับ นักธุรกิจหน้าใหม่ใช้ทุนต่ำ ๆ จะประสบความสำเร็จคงต้องลงทุนสมองเพื่อจะขึ้นมาอยู่ในชั้นแนวหน้าได้
       
       โชคดีทุกท่านครับ
http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9520000106299


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
wong
http://seminarsweet.blogspot.com/  ilaw
http://sunsweet09.blogspot.com/    youth
http://dbd652.blogspot.com/         dbd652
http://www.thaicyberu.go.th/

ประชาไท | Prachatai.com



 
From: ประชาไท หนังสือพิมพ <service@prachatai.com>
To: 
Sent: Tuesday, September 15, 2009 5:06:13 AM
Subject: ประชาไท | Prachatai.com

ประชาไท | Prachatai.com

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

สัมภาษณ์ 'อานันท์ กาญจนพันธุ์' : ชาตินิยมล้าสมัย กับการรับมือชาวนาขายที่ให้ต่างชาติ

Posted: 14 Sep 2009 02:50 PM PDT

สัมภาษณ์ ศ.ดร.อานันท์ กาญจนพันธุ์ แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ทำการศึกษาเกี่ยวกับชาวนาและที่ดินมาเป็นเวลายาวนาน นับตั้งแต่ผลงานวิทยานิพนธ์ ไปจนถึงการเฝ้ามองปรากฏการณ์ต่างๆ ตลอดจนการบริหารนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

read more

สัมภาษณ์ 'พิชัย ธาณีรณานนท์' : "ขึ้นรถโดยสารเก่าก็มีโอกาสตายหมู่"

Posted: 14 Sep 2009 02:42 PM PDT

คุยกบ ดร.พิชัย ธาณีรณานนท์ หัวหน้าโครงการศึกษาการกำหนดอายุการใช้งานรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกรถสาธารณะ ที่มีรองศาสตราจารย์ ดร.พิชัย ธาณีรณานนท์ นายกสมาคมวิชาการจราจรและขนส่งแห่งประเทศไทย

read more

เนื่องจากบทสัมภาษณ์ศาสตราจารย์ สตีเฟน บี ยัง

Posted: 14 Sep 2009 02:30 PM PDT

นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ เขียน อันเนื่องมาจากความอดรนทนไม่ได้บางประการ นับตั้งแต่บทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ "อันลือลั่นที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2552" ศ.สตีเฟน บี ยัง (อย่าถามว่าเป็นใคร) โดย สุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น ไปจนถึงการเมืองศีลธรรม

read more

จอม เพชรประดับ : สมาคมวิชาชีพสื่อกับการแก้วิกฤตชาติ

Posted: 14 Sep 2009 02:21 PM PDT

คำเรียกร้องจากใจของผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์วิทยุคนหนึ่ง ต่อองค์กรวิชาชีพสื่อ และความหวังที่จะเห็นการไม่เลือกข้าง ไม่ตัดสินใจแทนประชาชน และยืนหยัดอยู่บนหลักการแห่งความเป็นธรรม สิทธิเสรีภาพ และเคารพสิทธิมนุษยชนไว้ให้ได้อย่างมั่นคง 

read more

เครื่องบินพับของหม่อง

Posted: 14 Sep 2009 02:15 PM PDT

บทความโดย ยศ สันตสมบัติ ส่งต่อโดยศูนย์ข่าวข้ามพรมแดน เรื่องราวของเด็กชายหม่อง ทองดี ลูกแรงงานต่างด้าวชาวไทใหญ่ผู้พับเครื่องบินกระดาษ ที่อาจเบาหวิวจนลอยลมได้เนิ่นนาน แต่กลับเป็นสัญลักษณ์ของภาระหนักอึ้งที่หลายฝ่าย ต้องช่วยกันแบ่งเบาและแก้ไขร่วมกัน

read more

ใจ อึ๊งภากรณ์ (อีกครั้ง) : ปัญหาของแนวทางสันติวิธี

Posted: 14 Sep 2009 02:09 PM PDT

ถอดรหัสแนวคิดปฏิวัติของ ใจ อึ๊งภากรณ์ อีกครั้ง ไม่เอาการจับอาวุธ ไม่เอาสันติวิธี ไม่เอาฮีโร่ และไม่เอาความรุนแรง มีแต่แนวทางปฏิวัติสังคมโดยมวลชน

read more

เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในการเจรจาโลกร้อนที่กรุงเทพฯ

Posted: 14 Sep 2009 02:01 PM PDT

บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ชี้ประเด็นและความสำคัญของการเจรจาโลกร้อนที่กรุงเทพ (การเจรจาในระดับคณะทำงานเฉพาะกิจด้านความร่วมมือระยะยาว และด้านการกำหนดพันธกรณีการลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติม) ที่กำลังจะมีขึ้นในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 9 ตุลาคม 2552

read more

นักวิจัยระบุคาร์บอนเครดิตลดโลกร้อนได้ไม่จริง ผู้ซื้อยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเดิม

Posted: 14 Sep 2009 07:42 AM PDT

สัมมนาเรื่องโลกร้อนโดยกระทรวงการต่างประเทศ ที่ มช. 'ดวงจันทร์ อาภาวัชรุตม์ เจริญเมือง' ระบุปัญหาโลกร้อนไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อมแต่เป็นเรื่องความเป็นความตายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต ชี้คาร์บอนเครดิตลดก๊าซเรือนกระจกได้ไม่จริง แนะลดใช้พลังงานฟอสซิล ติงณรงค์ประหยัดไฟแต่ระดับครัวเรือน เมินรณรงค์กับห้างสรรพสินค้า

read more

ไกรศรี นิมมานเหมินท์ มิใช่นักรบท้องถิ่น แต่เป็นผู้สร้าง "คนเมืองกระฎุมพี" รับใช้รัฐไทย

Posted: 14 Sep 2009 06:10 AM PDT

บทความนี้เป็นบทวิพากษ์บทความของ ธเนศวร์ เจริญเมือง 'นักรบท้องถิ่นในรัฐรวมศูนย์: ไกรศรี นิมมานเหมินท์' ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาไท

read more

นักข่าวพลเมือง: คนงานเจรจา รมว.แรงงาน ผลยังไม่คืบ เผยไทรอัมพ์ฯ อาจปลดคนงานเพิ่มอีก 2,500 คน

Posted: 14 Sep 2009 05:38 AM PDT

คนงานสหภาพฯไทรอัมพ์ สหภาพอิเล็กทรอนิกส์และแม็คคานิคส์ในเครือ  และคนงานบริษัท เวิลด์เวลล์การ์เม้นท์ เข้าเจรจา รมว.แรงงาน ไพฑูรย์ แก้วทองเผย อาจมีการปลดคนงานไทรอัมพ์ฯเพิ่มอีก 2,500 คน ด้านขบวนการแรงงานนัดร่วมเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้อง "สิทธิศักดิ์ศรีชนชั้นกรรมาชีพ" พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

read more

Local Talk ท้องถิ่นสนทนา

Posted: 14 Sep 2009 01:51 AM PDT

ท้องถิ่นสนทนา เบื้องลึกท้องถิ่น เบื้องหลังโลกาภิวัตน์

read more

'ไซยาไนด์' นับ 1 หายนะ เหมืองทองของไทย

Posted: 13 Sep 2009 10:32 PM PDT




'ทองคำ' ทรัพย์สินมีค่าที่ใครๆ อยากครอบครอง และไม่ว่าใครก็คงอยากเป็นเจ้าของเหมืองแร่ทองคำ แต่ชีวิตคนที่ต้องเกี่ยวข้องและแวดล้อมกับแร่ทองคำนี้ต้องพบเจออะไรบ้าง

 

read more


ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew