"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

[netizen] ขอหารือเรื่อง QOS ของบริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย



 

จาก: Kan Yuenyong <sikkha@gmail.com>
วันที่: ตุลาคม 31, 2009 2:07 หลังเที่ยง
หัวเรื่อง: [netizen] ขอหารือเรื่อง QOS ของบริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
ถึง: thainetizen@googlegroups.com, Sugree Phatanapherom <sugree@gmail.com>


เรียนทุกท่าน

วันนี้มี discuss กันใน twitter เกี่ยวกับปัญหาเรื่อง QOS ของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ที่เข้าใจว่ามี speed ช้าลงมาก (แบบเห็นได้ชัด)

ข้อสันนิษฐานสองข้อคือ

1. ปัญหาเรื่อง ความคับคั่งของ traffic จากท่อทั้งในประเทศ (domestic bandwidth) และระหว่างประเทศ (international bandwidth)
2. ปัญหาเรื่องการ surveillance ของ isp (ซึ่งอาจได้รับนโยบายจาก ไม่ กทช. ก็ กสท หรือ ไอซีที)

ข้อสังเกตเบื้องต้น

1. domestic bandwidth มีต้นทุนถูกมาก (เท่าที่ผมทราบมา) isp ไม่น่ามีปัญหาในส่วนนี้มากเท่ากับ international bandwidth ซึ่งโครงสร้างตรงนี้อยู่ภายใต้การผูกขาดของ กสท. (เป็นอีกประเด็นหนึ่ง)
2. คุณ sugree ได้ให้ข้อสังเกตมาว่า "true ใช้ ironport คงไม่ได้เอามาเป็น cache ละมั๊ง isp หลายเจ้ามันแก้ header กันแบบเกือบจำของเก่าไม่ได้ด้วยนะ" และ "connection reset by peer ถี่มาก"

ปัญหา QOS กระทบกับความพึงพอใจ และข้อสัญญาต่อลูกค้าของ ISP โดยรวมไม่ว่าจะเป็น ลูกค้ารายบุคคล หรือลูกค้าธุรกิจ


 เฉพาะหน้า ผมคิดว่า เราน่าจะมีการระดมความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ take action ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ (กทช/กสท/ICT) เพื่ออย่างน้อย ประกาศมาตรการที่โปร่งใสเกี่ยวกับการทำ surveillance technic และผลกระทบต่อ QOS ของการบริการที่มีผลกระทบกับ ISP ทุกราย ไม่ใช่แอบมุบมิบทำกัน

ถ้าใครมีข้อสังเกต หรือคำแนะนำใดเพิ่มเติม แจ้งเข้ามาหรืออยากให้ช่วยกันแสดงความเห็นได้เลยครับ

ด้วยความนับถือ
กานต์ ยืนยง

--
Siam Intelligence Unit :
http://www.siamintelligence.com

--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
Thai Netizen Network
http://thainetizen.org/

----
u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
post, email thainetizen@googlegroups.com
leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
info, http://groups.google.com/group/thainetizen
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---




--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
chun
http://tham-manamai.blogspot.com /sundara        
http://dbd-52hi5com.blogspot.com/ dbd_52
http://thammanamai.blogspot.com/ อายุวัฒนา
http://sunsangfun.blogspot.com/ suntu
http://originality9.blogspot.com/ originality
http://wisdom1951.blogspot.com/ wisdom

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กระชับสัมพันธ์ ไทย-ภูฏาน ร่วมมือด้านอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11554 มติชนรายวัน


กระชับสัมพันธ์ ไทย-ภูฏาน ร่วมมือด้านอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์


โดย ชมพูนุท นำภา



ระหว่าง ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กำลังมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศให้ก้าวทันโลกอยู่ นั้น ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะยื่นมือออกไปช่วยเหลือเกื้อกูลมิตรประเทศด้วยการ แบ่งปันความรู้เพื่อเป็นการก้าวเดินไปพร้อมๆ กันด้วย

ล่าสุดกลาง เดือนกันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี นำโดย *คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช* รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เดินทางไปยังราชอาณาจักรภูฏาน ร่วมประชุมกับกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร ของภูฏาน เรื่องความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 3

*ภูฏาน* ชื่อประเทศมีความหมายว่า ดินแดนของมังกรสายฟ้า ปกครองโดยกษัตริย์ที่ยึดเอาความสุขมวลประชาชาติ (GNH-Gross National Happiness) เป็นตัวตั้ง เป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียใต้ที่ยังรักษาธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ที่เห็นได้ชัดคือการนับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายาน การแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ และยังใช้ภาษาซองคาซึ่งเป็นภาษาประจำชาติในการพูดคุย แม้จะมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการอีกหนึ่งภาษาก็ตาม

แต่ในยุคโลกา ภิวัตน์ที่กระแสวัฒนธรรมตะวันตกไหลบ่าอย่างที่ไม่รู้ว่าจะยับยั้งได้หรือไม่ นั้น รัฐบาลภูฏานจึงเกรงว่าวันหนึ่งภาษาซองคาจะเลือนหายไป หากไม่มีการอนุรักษ์ไว้แต่เนิ่นๆ

จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกัน ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเน็กเท็ก กับกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร ของภูฏาน ในการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยเก็บรักษาภาษาประจำชาติเอาไว้

*พันธ์ ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์* ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือเน็กเท็ก อธิบายว่า ความร่วมมือกับภูฏานด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของภูฏานไปพบกับนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในขณะนั้น เพื่อขอความร่วมมือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ไทยกับภูฏาน โดยอยากให้ไทยเข้าไปช่วยเกี่ยวกับไอซีที โดยเฉพาะเรื่องงานวิจัยและองค์ความรู้ต่างๆ จึงตกลงและตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมา โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2551-2553 และจากการประชุมร่วมกันได้ข้อตกลงว่าไทยจะช่วยเหลือเรื่องการใช้เทคโนโลยีมา จัดเก็บภาษาซองคา ภาษาประจำชาติภูฏาน ด้วย Text-to-Speech และ Optical Character Recognition หรือ OCR

(บน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำโดยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประชุมร่วมกับ เลียนโป นันดาลาลไร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร และคณะราชอาณาจักรภูฏาน (ซ้ายล่าง) ชาวภูฏานเดินภาวนาตามวิถีชาวพุทธนิกายมหายาน (ขวาล่าง) คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และคณะเยี่ยมชมตำรายาสมุนไพรเก่าแก่เป็นภาษาซองคา



พันธ์ ศักดิ์ อธิบายหลักการของโอซีอาร์ว่า หากเราจะจัดเก็บข้อมูลที่เป็นเอกสารเก่าๆ หากนำมาพิมพ์จะใช้เวลานานมาก แต่ถ้าเรานำไปสแกนแล้วนำไปให้คอมพิวเตอร์อ่านตัวหนังสือจากภาพถ่ายแล้ว แปลงออกมาเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ได้ แล้วค่อยนำมาปรับแก้อีกเล็กน้อยก็สามารถจัดเก็บได้ทันที ซ้ำยังใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยกว่าภาพถ่ายด้วย

"ที่ภูฏานโอซี อาร์ยังมีปัญหาอยู่ เนื่องจากว่าตัวอักขระของภูฏาน มันมีความซับซ้อนกว่าภาษาไทยเยอะ ในขณะที่ภาษาไทยมี 3 ชั้น แต่ภูฏานคำของเขาเขียนกันถึง 6 ชั้น บางคำยังเอาชั้นมาต่อกันอีก กลายเป็นตัวใหม่ไปเลย ทีนี้เครื่องคอมพิวเตอร์เขายังไม่สามารถจะแบ่งเป็นตัวอักขระได้ขนาดนั้น ก็เลยต้องมาช่วยกันคิดว่าจะสามารถเขียนโปรแกรมอะไรให้รองรับตรงนี้ได้"

ส่วน Text-to-Speech ปัจจุบันนี้ผลก้าวหน้าไปกว่า 70% แล้ว ลักษณะการทำงานคือ นำภาษาซองคาใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ไป แล้วคอมพิวเตอร์สามารถอ่านออกมาเป็นภาษาคนพูดได้

"เราจะให้เฉพาะ วิธีการ แต่นักวิจัยภูฏานต้องไปทำรายละเอียดเอง เช่น การจัดเก็บประโยค การจัดเก็บคำ หรือว่าการที่คอมพิวเตอร์จะพูดให้ดีอย่างไรนั้นเขาต้องทำเอง ช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาทำอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันนี้นักวิจัยภูฏานที่ฝึกกับเราเขาก็สามารถที่จะเขียนโปรแกรมให้ เครื่องคอมพิวเตอร์มันออกเสียงภาษาภูฏานได้แล้ว แต่ว่ายังเป็นห้วงๆ เป็นคำๆ อยู่ ยังไม่ชัดเจน ฟังต่อเนื่องก็จริง แต่ยังไม่เหมือนเสียงคนพูด ก็คิดว่าเราคงจะพัฒนาตรงนี้ต่อ" พันธ์ศักดิ์กล่าว

เลียนโป นันดาลาลไร


สำหรับ การประชุมครั้งล่าสุดนี้ หน้าที่ของพี่เลี้ยงอย่างเน็กเท็กที่จะต้องทำต่อคือ 1.ทำให้โอซีอาร์มีความฉลาดมากขึ้น และ 2.การทำ Text-to-speech ให้พูดภาษาภูฏานได้เนียนขึ้น

พันธ์ศักดิ์บอกอีกว่า นอกเหนือจากทั้งสองเรื่องแล้วยังมีการคุยเรื่องการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์เข้า ใจภาษาต่างๆ อย่างอัตโนมัติ หรือ Speech to speech Translation (STS) เช่น เมื่อเราพูดใส่คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็จะประมวลผลมาเป็นตัวอักษรของภาษานั้น แล้วคอมพิวเตอร์ก็สามารถเอาตัวอักษรภาษานั้นไปแปลงเป็นคำพูดอีกทีหนึ่ง

"ยก ตัวอย่าง ถ้าพูดด้วยภาษาซองคา คอมพิวเตอร์ก็จะแปลงเป็นตัวอักษรซองคา จากตัวอักษรซองคาก็สามารถนำไปแปลงเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลได้ ทีนี้ประเทศไทยซึ่งมีภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เราก็อาจจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวกลาง จึงอาจเป็นไปได้ว่าเราพูดกับคอมพิวเตอร์ฝั่งหนึ่งเป็นภาษาไทยก็จะแปลงเป็น ภาษาซองคาได้ นี่คือความท้าทาย

ตอนนี้เน็กเท็กเราก็จะมีความร่วม มือกับ 9 ชาติในอาเซียน ซึ่งเราก็จะชวนภูฏานด้วย แล้วในอนาคตอาจเป็นไปได้ว่า คนในอาเซียนทั้ง 9 ชาติ จะติดต่อกันได้โดยการพูดภาษาของตัวเอง ข้อดีคือแต่ละชาติจะยังสามารถรักษาภาษาตัวเองไว้ได้ เรื่องนี้เป็นความท้าทายที่กลุ่มเอเชียอยากจะทำ ตั้งใจว่าอีก 3-4 ปี น่าจะสมบูรณ์"

พันธ์ศักดิ์บอกอีกว่า นอกเหนือจากงานที่ทำร่วมกันแล้ว สิ่งที่ได้มาอย่างชัดเจน คือ เป็นการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ จะเห็นว่าคนภูฏานส่วนใหญ่ค่อนข้างชอบเมืองไทย หลายคนเคยไปกรุงเทพฯอย่างน้อย 1 ครั้ง นอกจากนั้นภูฏานยังมองประเทศไทยเป็นประตูที่จะเปิดไปสู่โลกภายนอกด้วย ทำให้ตอนนี้สินค้าในประเทศภูฏานที่นำเข้ามาจากไทยอยู่อันดับสองรองจาก อินเดียเท่านั้น และในอนาคตนี้ภูฏานกำลังขยายพัฒนาประเทศอีกมาก ดังนั้นการที่ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นก็จะมีผลที่จะตามมาอีกมาก

ดัง ที่ *คุณหญิงกัลยา* ได้สรุปว่า การช่วยเหลือกันระหว่างสองประเทศนั้น เป็นการช่วยเหลือที่เป็นแบบประเทศพี่ช่วยประเทศน้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยกับภูฏานมีความคล้ายคลึงกันหลายด้านทั้งระบบกษัตริย์ และศาสนา อีกทั้งราชวงศ์ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดอย่างมาก ฉะนั้นการเชื่อมต่อในด้านอื่นๆ ก็จะทำให้กระชับความสัมพันธ์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้จักคนไทย เชื่อมั่นคนไทย ศรัทธาคนไทย ว่าคนไทยมีความรู้ความสามารถที่จะเกื้อกูลกันได้ ทุกวันนี้คนภูฏานหันมาซื้อของจากเมืองไทย ทุกอาทิตย์จะมีนักธุรกิจของภูฏานไปซื้อของแล้วส่งกลับบ้านเป็นคอนเทนเนอร์ มากขึ้นเรื่อยๆ เขาพบว่าคุณภาพของสินค้าประเทศไทยได้มาตรฐาน ตอนนี้คนภูฏานก็ไปประเทศไทยค่อนข้างมาก รวมถึงข้าราชการก็ไปดูงานที่เมืองไทย

"สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถ้าไม่ได้มีการเริ่มต้นก็จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน"*คุณหญิงกัลยากล่าวอย่างเชื่อมั่น



เลียนโป นันดาลาลไร


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร ราชอาณาจักรภูฏาน

ปัญหา ที่ภูฏานประสบอยู่ในปัจจุบันนี้ คือการที่จะดูแลภาษาดั้งเดิม ดังนั้นจึงต้องการเทคโนโลยีที่จะนำมาช่วยอนุรักษ์ตรงนั้นเอาไว้ ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นซึ่งต้องใช้เวลาต่อไป

และที่เลือก จะร่วมงานกับประเทศไทย เพราะว่าคนไทยมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ รัฐบาลภูฏานจึงมั่นใจว่าการร่วมงานกับประเทศไทยจะสามารถทำตามสิ่งที่สัญญา กันไว้ได้

กับคำถามว่าจะใช้เทคโนโลยีให้สมดุลกับวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างไร???

เลียน โป นันดาลาลไร ยิ้มก่อนตอบว่า ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ยังอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ได้ เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องสถาบันกษัตริย์ที่เรามีเหมือนกัน จึงสามารถเรียนรู้แลกเปลี่ยนกันได้

"ผมชอบคนไทยที่สุภาพใจดี ไม่ค่อยเห็นคนไทยโกรธ แม้ว่าโกรธก็ยังจะยิ้ม" เลียนโปกล่าว


หน้า 20


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
chun
http://tham-manamai.blogspot.com /sundara        
http://dbd-52hi5com.blogspot.com/ dbd_52
http://thammanamai.blogspot.com/ อายุวัฒนา
http://sunsangfun.blogspot.com/ suntu
http://originality9.blogspot.com/ originality
http://wisdom1951.blogspot.com/ wisdom

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อภิศิลป์ ตรุงคกานนท์ แรงบันดาลใจจากทวิตเตอร์

อภิศิลป์ ตรุงคกานนท์ แรงบันดาลใจจากทวิตเตอร์


สมคิด เอนกทวีผล
 Positioning magazine   กันยายน 2552

อภิศิลป์ ตรุงคกานนท์ นักบรรยายและนักเขียนชื่อดังในโลกออนไลน์ เจ้าของหนังสือ “รวมฮิต Twitter” เล่มแรกของไทย จากการจับกระแสความดังของทวิตเตอร์จนสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นเงิน และเป็นเครื่องมือการตลาดได้ก่อนใคร

ด้วยอาชีพนักบรรยายให้ความรู้ตามบริษัทและหน่วยราชการต่างๆ เกี่ยวกับ “ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง” ทำให้อภิศิลป์ต้องติดตามหาความรู้ เทรนด์ใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ และเขาก็พบกับประโยชน์ “ความเรียบง่าย” ของ Twitter กับบริการส่งข้อความสั้นเพียงแค่ 140 ตัวอักษร คิดอะไร รู้สึกอะไร ก็พิมพ์ได้เลย ไม่ต้องใช้เวลาเหมือนกับเขียนบล็อก

“ผมรู้จัก Twitter ได้ปีกว่า จาก @sugree (ชื่อใน Twitter ของ สุกรี พัฒนภิรมย์) ซึ่งเป็นผู้ปลุกกระแส Twitter ในไทย ตอนนั้นมีคนไทยบน Twitter ไม่เยอะ มันเลยไม่ค่อยสนุก แต่ตอนหลังเริ่มมีเพื่อนเข้าไปเล่นกันเยอะขึ้น ความสนุกมันเลยอยู่ที่เรารู้ว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ และได้นำเสนอสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้คนอื่นรู้ด้วย”
Twitter จึงกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อที่เขาหยิบยกขึ้นมาบรรยากาศ และใช้เป็น “สื่อ” ให้คนภายนอกได้ติดตาม เช่น ถ่ายรูปในงานสัมมนาที่เขาเป็นวิทยากร อัพโหลดขึ้น Twitter ผ่าน TwitPic เสมือนรายงานสดทางทีวี แต่เป็นข้อความสั้นๆ ต่อกัน พร้อมภาพนิ่งที่คนอ่านติดตามอ่าน

“มันง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะใช้บนมือถือหรือจอคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ แน่นอนว่าสิ่งที่ผมได้รับก็คือ การสร้างแบรนด์ให้กับตัวเองไปด้วยในตัว”

อภิศิลป์ยังเป็นติดตามอ่านข้อมูลข่าวสาร จาก Tweet ของคนอื่นๆ อยู่ตลอด เช่นที่เขาถ่ายทอดตัวอย่างการติดตาม Tweet ของคนดัง

“อย่างใครจะรู้ว่าคุณกรณ์น้อยใจที่สื่อมวลชนไม่ค่อยให้ความสำคัญตอนที่ ไปบรรยายเรื่องโครงการไทยเข้มแข็งที่เชียงใหม่ แต่สื่อกลับสนใจแต่เรื่องคุณกรณ์ไปดูหมีแพนด้า คนจะรู้เรื่องแบบนี้ได้ก็ต้องเคยกด Following ตามอ่าน @KornDemocrat เท่านั้น”

“Twitter ทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนอยู่ตลอดเวลา” อภิศิลป์ฟันธงถึงเสน่ห์ของ Twitter ที่ทำให้คนติดกันทั่วโลก เพราะนอกจากการใช้งานแล้ว อภิศิลป์พบว่าตัวเองเล่นสนุกกับ Twitter มากกว่าใช้งานจริงจังเสียอีก ไม่ว่าจะเล่นผ่านมือถือเมื่ออยู่นอกสถานที่ หรือเล่นบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่บ้าน

“เมื่อนั่งเล่นอยู่หน้าคอม เปิดเจอเว็บอะไรที่น่าสนใจ ผมก็ชอบโพสต์ลง Twitter เพื่อแบ่งปันให้ Follower ของผมอ่านด้วย เป็นความสนุกที่ได้แบ่งปันกัน”

ด้วยนิสัยนักถ่ายทอดความรู้ที่อภิศิลป์มีอยู่เต็มตัว เขามักชักชวน แบรนด์สินค้าที่อยู่บน Social Network อื่นๆ เช่น Facebook ให้มาลองเล่น Twitter อยู่เสมอ เช่น บริษัทหนัง GTH ที่เขาชื่นชมหน้าเฟซบุ๊คเพราะมีตัวละครจากหนัง “หนีตามกาลิเลโอ” มาเปิดตัวเป็นบุคคลสมมติบนนั้น และพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับแฟนหนัง

เมื่อชื่นชมแล้วก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ด้วยนิสัยชอบแบ่งปันความรู้ที่อภิศิลป์มีอยู่เต็มตัว เขาชักชวนให้ GTH ที่โดดเด่นบน FaceBook อยู่เดิมนั้นมาลองเข้ามาเล่น Twitter ด้วย

@GTHchannel จึงกลายมาเป็นหน้า Twitter โปรดของอภิศิลป์ ที่เขาติดตามมากที่สุด ซึ่งนอกจากนี้ทาง GTH ยังเปิดหน้า Twitter ให้ตัวละครสาวน้อยทั้งสองตัวในหนังคือ @noonnitta ของนุ่น (รับบทโดยเต้ย) @chee_rer ของเชอรี่ (รับบทโดยต่าย) ซึ่งเป็นตัวละครหลักในหนังเรื่อง “หนีตามกาลิเลโอ” โดยทั้งสองคนนี้จะคุยกันผ่าน Twitter เสมือนว่าทั้งสองออกมาจากหนังแล้วมาคุยกันบนโลกความเป็นจริง

“ความจริงถ้าหนังเรื่องนี้วางแผนการใช้ Twitter ตั้งแต่ตอนถ่ายทำ โดยให้ตัวละครในหนังใช้มือถือถ่ายรูปตอนที่อยู่ต่างประเทศ แล้วอัพโหลดขึ้น Twitter เก็บไว้ พอหนังฉายก็ค่อยเปิด Twitter ให้คนเข้าไปย้อนดู คนดูจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับเข้าไปในบรรยากาศในหนัง แต่เป็นการซึมซับความรู้สึกผ่าน Twitter แทน” อภิศิลป์คิดกลยุทธ์เพิ่มเติมที่น่าจะทำได้หากเตรียมไว้ก่อนหนังเข้าฉาย

เทคนิคที่อภิศิลป์ใช้คือการ “ยืมมือ” เพื่อนๆ และแฟนๆ “Follower” ในทวิตเตอร์ของเขาเองมาสร้างกระแส โดยให้ใครก็ได้ที่อยากได้หนังสือฟรี คิดและพิมพ์ข้อความอะไรก็ได้ แต่ต้องมีคำว่า # รวมฮิต Twitter อยู่ในข้อความด้วย แล้วอภิศิลป์เองจะตรวจสอบได้ด้วยการเสิร์ชหาใน twitter.com เอง

“ผมใช้ Twitter เพื่อโปรโมตหนังสือรวมฮิต Twitter ของผมเอง ผมเพียงแค่บอกให้ผู้ใช้ Twitter ส่งข้อความอะไรก็ได้ ขอให้มีคำว่า #รวมฮิต Twitter ติดอยู่ในข้อความด้วย เขาก็จะมีสิทธิ์ลุ้นรับหนังสือฟรี”

อภิศิลป์เป็นคนแรกๆ ในไทยที่ใช้วิธีนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้ธุรกิจต่างๆ ในไทยนำวิธีนี้ไปใช้บ้าง เขาเผยเทคนิคสำคัญว่าในการจะสร้างกระแสด้วยวิธีนี้ ต้องไม่ลืมที่จะให้ทุกๆ คนใส่เครื่องหมาย “#” หรือที่เรียกว่า Hashtag ไว้หน้าคำคีย์เวิร์ดนั้นด้วย เพราะจะทำให้ Twitter ค้นเจอได้ง่าย ได้อันดับแรกๆ ในผลเสิร์ช และตรวจสอบง่าย

“แคมเปญนี้ทาง สนพ. แจกหนังสือให้ 20 เล่ม มีคนทวีต #รวมฮิต Twitter ไปนับพันคน หลายพันข้อความ ถือว่าประสบความสำเร็จมากสำหรับการโปรโมตหนังสือไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยแทบจะ ไม่มีต้นทุนอะไรเลย (มีแค่ค่าหนังสือ 20 เล่ม) ได้ผู้ใช้ Twitter มาเป็นพวกเดียวกันที่ช่วยกันบอกต่อ เชียร์หนังสือเล่มนี้ออกไปสู่คนภายนอกด้วย”

ทุกวันนี้อภิศิลป์เพลิดเพลินกับการใช้ Twitter เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ ผสานกับการสร้างแบรนด์สร้างกระแสให้อาชีพนักบรรยายและนักเขียนของตัวเอง และที่ขาดไม่ได้คือให้ Twitter เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือของเขาให้กลายเป็นสังคมแก้เหงาแบบเรียลไทม์ที่คุยเบ็ด เตล็ดได้ไม่จำกัดหัวข้อและไม่จำกัดเวลา

กชท.(กูเกิลช่วยท่านได้)

กชท.(กูเกิลช่วยท่านได้)

บทความโดย ดร.นัทที นิภานันท์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 11 กันยายน 2552

ไม่ครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ กทช. วันนี้เราไม่ได้มาคุยกันเรื่อง 3G หรืออะไรทำนองนั้น ก.ช.ท. หรือ กูเกิลช่วยท่านได้ เป็นตัวย่อที่ผู้เขียนแปลมาแบบมั่ว ๆ จาก GIYF (Google is Your Friend) เป็นคำย่อที่มีความหมายกลาย ๆ ว่า จะทำอะไรก็ลองค้นหาโดยใช้ Google ดู เพราะเดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วิธีทำ กับข้าว วิธีการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ไปจนถึงวิธีการสร้างระเบิดปรมาณู เรียกได้ว่ามีทุกอย่างจริง ๆ ซึ่งประเด็นวันนี้ของเราคือการเอาอะไรบางอย่างมาจากอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะบทความ หรืองานเขียนต่าง ๆ มาใช้งานครับ

ของทุก ๆ อย่างย่อมมีเจ้าของครับ ข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกัน บางอย่างนั้นเจ้าของก็คือสาธารณชน ซึ่งก็หมายความว่าทุก ๆ คนมีสิทธิที่จะใช้งานอย่างไรก็ได้ บางอย่างก็มีเจ้าของชัดเจน เช่น บทความที่ผู้อ่านกำลังอ่านอยู่ เป็นต้น โดยปกติแล้วผู้ที่สร้างผลงานมักจะยินดีให้ผลงานของตัวเองนั้นมีคนนำไปใช้งาน (เพราะถ้าไม่ต้องการให้คนนำไปใช้งานก็คงไม่คิดที่จะนำงานของตนเองมาเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตตั้งแต่แรกแล้ว) กฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์ ก็ได้มีการคุ้มครองสิทธิต่าง ๆ ของทั้งผู้สร้างผลงานและผู้ใช้อยู่แล้ว แต่ปัญหาของลิขสิทธิ์คือ สิทธิของผู้นำไป ใช้นั้นน้อยเหลือเกิน เช่น ผู้นำไปใช้นั้นไม่สามารถเอาผลงานของเราไปเผยแพร่ต่อได้ ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนไม่สามารถคัดลอกเอาข้อความในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ทั้งชิ้นไปใส่ไว้ในเว็บไซต์ของผู้เขียนเองได้

อย่างไรก็ตาม การคัดลอกผลงานไปเผยแพร่นั้นมีผลดีคือช่วยให้มีคนรู้จักงานของเรามากขึ้น แต่กฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้อื่นแอบอ้างเอางานของเราไปเป็นของตัวเอง ไม่อนุญาตให้เราคัดลอกงานใด ๆ ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของผลงานครับ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อมีคนพยายามใช้ผลงานของเรา สิ่งที่บุคคลผู้นั้นทำได้คือ 1. ละเมิดลิขสิทธิ์โดยนำงานเราไปใช้ หรือ 2. ติดต่อเราโดยตรงเพื่อขออนุญาต ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วคงมีอยู่ไม่มากที่ขออนุญาตอย่างถูกต้อง

เล่ามาถึงจุดนี้ก็ได้เวลาพูดถึงพระเอกของวันนี้เสียทีครับ พระเอกของเราคือซีซี (CC) หรือที่มีชื่อเต็มว่าครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons) ซีซีนั้นเป็นองค์กร ไม่แสวงหาผลกำไรที่มีผลงานหลักคือสัญญา อนุญาต (License) เพื่อให้เจ้าของผลงานที่ มีลิขสิทธิ์ต่าง ๆ นำไปใช้เพื่อระบุข้อตกลงในการใช้งานผลงานนั้น ๆ ครับ ถ้าเราสร้างสรรค์ ผลงานอะไรบางอย่างขึ้นมา และต้องการเผยแพร่ผลงานของเรา แต่ไม่ต้องการให้ผู้อื่น แอบอ้างเอางานของเราไปเป็นของตัวเอง เราสามารถประกาศว่าผลงานของเรานั้นใช้สัญญาอนุญาตซีซี (เรียกสั้น ๆ ว่า ซีซีแอล ย่อมาจาก Creative Common License) ได้ครับ ซีซีแอลนั้นมีอยู่หลายแบบให้เลือกใช้ บางแบบกำหนดเพียงแค่ให้ผู้ที่นำไปใช้นั้นจะต้องมีการอ้างอิงถึงผู้สร้างสรรค์ผลงาน บางแบบก็มีการกำหนดเพิ่มเติมว่าห้ามนำไปใช้ในเชิงพา ณิชย์และห้ามดัดแปลงแก้ไข เป็นต้น ซีซีแอลทั้งหมดนั้นมีจุดที่เหมือนกันคือ ผู้ที่นำไปใช้จะต้องอ้างถึงเจ้าของผลงาน (หมายความว่าห้ามผู้ที่นำไปใช้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าของผลงานนั่นเอง) จะเห็นได้ว่าซีซีแอลนั้นแก้ไขปัญหาข้างต้นได้ดีทีเดียว โดยที่ไม่ทำให้เจ้าของผลงานต้องเสียเครดิตไป

ผู้เขียนอยากจะเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ครับ เพื่อนของผู้เขียน ท่านหนึ่ง เชี่ยวชาญการใช้งานโปรแกรม Photo scape ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับการแต่งรูปภาพที่มีการแจกจ่ายฟรีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เนื่องจากโปรแกรมดังกล่าวไม่คิดค่าใช้บริการ บวกกับการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ทำให้มีผู้ใช้อยู่จำนวนหนึ่งทีเดียวครับ เพื่อนของผู้เขียนท่านนี้ ก็ได้จัดทำเว็บไซต์สอนการใช้งานโปรแกรมดังกล่าวเป็นภาษาไทย ตั้งแต่การใช้งานเบื้องต้นไปจนถึงการใช้งานขั้นสูง เรียกได้ว่ามีการลงแรงงานไปมากโขอยู่ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนของผู้เขียนก็ได้พบว่า บทความของตัวเองนั้นถูกคัดลอกไปแสดงอยู่ในเว็บไซต์อื่น ทางเพื่อนของผู้เขียนนั้นก็มิได้รังเกียจแต่ประการ ใด แต่สิ่งที่เพื่อนของผู้เขียนต้องการก็คือ ต้องการให้มีการให้เครดิตว่าบทความดังกล่าวนั้น เพื่อนของผู้เขียนเป็นผู้จัดทำขึ้นมา ซึ่งในเว็บไซต์ของเพื่อนของผู้เขียนนั้นมีการระบุไว้ชัดเจนว่า บทความต่าง ๆ นั้นได้มีการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตซีซีประเภทที่ต้องระบุที่มา, ห้ามเปลี่ยนแปลง และห้ามใช้เพื่อการค้า สิ่งที่เพื่อนของผู้เขียนทำหลังจากที่ได้ค้นพบว่างานของตัวเองนั้นถูกนำไปแสดงในเว็บไซต์อื่นก็คือ เขียนอีเมลไปยังเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าว พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวทั้งหมดรวมถึงการที่บทความของตัวเองนั้นอยู่ภายใต้ซีซีแอลประเภทดังกล่าว เจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าวนั้นก็ได้ทำการแก้ไขข้อมูลและมีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง

เห็นหรือไม่ครับว่าการใช้ซีซีแอล รวมถึงความเคารพในซีซีแอลของทั้งสองฝ่ายนั้นทำให้การเผยแพร่ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้โดยถูกใจทั้งสองฝ่าย ทางฝ่ายผู้จัดทำก็มี ผู้ช่วยเผยแพร่บทความมากขึ้น และไม่ได้เสียเครดิตในผลงานของตัวเอง ในขณะที่ทางฝ่าย ผู้นำเอาผลงานไปเผยแพร่ ก็สามารถดึงดูดผู้ชมเข้ามาสู่เว็บของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการละเมิดลิขสิทธิ์

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนหวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านจะรู้จักการใช้ซีซีแอลในการปกป้องและเผยแพร่ผลงานของตัวเอง รวมถึงเคารพในสัญญาอนุญาตต่าง ๆ ทั้งซีซีแอลหรือสัญญาอื่น ๆ ด้วยนะครับ เพื่อสร้างสังคมอินเทอร์เน็ตที่น่าอยู่ให้กับทุก ๆ คนนะครับ

(สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องของซีซีสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://cc.in.th/ และ http://creativecommons.org/ ครับ ส่วนเว็บไซต์สอนการใช้งาน Photoscape ที่กล่าวถึงในช่วงท้ายจะอยู่ที่ http://www.bombik. com/)

 

นัทที นิภานันท์
nattee@eng.chula.ac.th
ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

http://www.eng.chula.ac.th/?q=node/941

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เปิดตัว Office Starter 2010 ใช้ฟรีมีโฆษณา

เปิดตัว Office Starter 2010 ใช้ฟรีมีโฆษณา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2552 16:24 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
หน้า เพจอธิบายคุณสมบัติ Office 2010 ล่าสุดไมโครซอฟท์เตรียมแผนโปรโมทโปรแกรมออฟฟิศเวอร์ชันใหม่ด้วย Office Starter 2010 ซึ่งจะเปิดให้ผู้บริโภคทดลองใช้งานโดยไม่มีกำหนดหมดอายุ
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดตัวโปรแกรมสร้างงานเอกสารเวอร์ชันใหม่ที่เปิดให้ใช้งานฟรีแต่มีโฆษณาใน ชื่อ Office Starter 2010 มั่นใจว่าจะเป็นการเปิดช่องทางใหม่ที่ทำให้ผู้ซื้อพีซีรายใหม่สามารถซื้อ Office 2010 ได้ง่ายขึ้น
       
       ทาเคชิ นูโมโตะ ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ออฟฟิศของไมโครซอฟท์กล่าวว่า เป้าหมายของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับ Office Starter 2010 คือการดึงดูดผู้ซื้อพีซีรายใหม่ให้กับ Office 2010 โดยผู้ใช้ที่ชื่นชอบ Office Starter 2010 จะสามารถซื้อรหัสใช้งานจากตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์เพื่อเลือกอัปเกรดเป็น Office Home & Student 2010, Office Home & Business 2010 หรือ Office Professional 2010
       
       Office Starter 2010 จะถูกติดตั้งในเครื่องพีซีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่ส่งออกจากโรงงานเพื่อ วางจำหน่ายในสหรัฐฯ ความพิเศษคือไม่มีกำหนดวันหมดอายุใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมเวอร์ชันทดลองทั่วไป ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ยาวนานเท่าที่ต้องการ
       
       Office Starter 2010 จะมาพร้อม Word Starter และ Excel Starter เท่านั้น ไม่มี Outlook, OneNote หรือ PowerPoint เป็นการจำกัดให้นักธุรกิจมืออาชีพทั้งหลายไม่สามารถใช้ Office Starter 2010 สร้างสไลด์เสนองานได้

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
Product Key Card ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อหาจากร้านค้าพันธมิตรไมโครซอฟท์
ผู้ที่ต้องการใช้งาน Office 2010 เวอร์ชันเต็ม สามารถซื้อ Product Key Card จากร้านค้าปลีกเพื่อปลดล็อกได้โดยสะดวก สำหรับโฆษณาใน Starter 2010 นั้นจะปรากฎในส่วนล่างของ Task Pane ซึ่งจะแวดล้อมด้วยลิงก์แนะนำการใช้งาน ภาพตัดปะ และรูปแบบเทมแพลต ไมโครซอฟท์ ยังไม่เปิดเผยว่าโฆษณาที่จะปรากฏบริเวณนี้จะมีลักษณะอย่างไร แต่เชื่อว่าจะไม่ใช่รูปแบบข้อความกระพริบ หรือรูปแบบฉูดฉาดซึ่งจะรบกวนการทำงานของผู้ใช้ได้
       
       สำหรับผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าออฟฟิศอยู่แล้ว ไมโครซอฟท์เปิดตัวเทคโนโลยีทำงานเสมือนนาม Click To Run ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด Office 2010 เวอร์ชันทดลองใช้เพื่อเทียบกับออฟฟิศเวอร์ชันที่ใช้อยู่ เชื่อว่าจะสามารถทำให้ผู้บริโภคเห็นความต่างได้อย่างชัดเจน
       
       จุดต่างสำคัญระหว่าง Office 2010 และ 2007 คือหน้าตาโปรแกรมซึ่งไมโครซอฟท์ปรับให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมปี 2008 ถึงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา Office 2007 มียอดดาวน์โหลดสูงถึง 23 ล้านครั้ง คิดเป็นอัตราเติบโตต่อปีถึง 92%
       
       สำหรับ Office 2010 นั้นมีจุดเด่นเรื่องความสามารถในการทำงานร่วมกันของผู้ใช้ออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ทีมพัฒนาของไมโครซอฟท์ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสำคัญอยู๋ที่แพลตฟอร์มการทำงาน ในโปรแกรมออฟฟิศ ซึ่งเป็นเบื้องหลังที่ทำให้ออฟฟิศเวอร์ชันใหม่มีฟังก์ชันการทำงานที่พัฒนา ขึ้นมาก
       
       การ ออกโปรแกรมเวอร์ชันทดลองที่ไม่มีวันหมดอายุนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่าง มากของท่าทีไมโครซอฟท์ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธิพลของโปรแกรมโอเพ่นซอร์สมาตรฐานเปิดที่ ขยายวงกว้างในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานกำหนดการเปิดศักราช Office Starter 2010 ในประเทศอื่นนอกสหรัฐฯในขณะนี้ รวมถึงประเทศไทย
       
       Company Related Links :
       Microsft
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000119803

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

จีนสะสางยุทธภพออนไลน์

จีนสะสางยุทธภพออนไลน์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2552 22:27 น.
       (เอเอฟพี) – ล่าสุด ทางการจีนได้แถลงถึงแผนการจำกัดควบคุมเกมออนไลน์ที่ดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย และมีเนื้อหาเป็นภัย ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการชำระสะสางโลกออนไลน์ในประเทศจีน ที่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก (เกือบ 338 ล้านคน) สื่อของรัฐรายงาน
       

       ปักกิ่ง นิวส์กล่าวว่า รัฐได้จัดการปิดเกมออนไลน์ 45 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีเนื้อหาสนับสนุนให้ผู้เล่นกระทำความผิดกฎหมายเช่น การค้ายาเสพติดและโสเภณี โดยหน่วยงานกำกับดูแลสื่อของรัฐ จะเร่งจัดการตรวจสอบและควบคุมบรรดาเกมออนไลน์ล่อแหลมทั้งหลายภายในสิ้นปีนี้
       
       แถลงการณ์ที่โพสต์บนเว็บไซต์ของฝ่ายบริหารฯ กล่าวว่า 45 เกมออนไลน์ที่ปิดไปนั้น เป็นเกมส์ที่มาจากต่างประเทศและยังไม่ได้รับการอนุมัติก่อนการดำเนินงานใน จีน.
       
       ในโครงการนี้ มีเกมส์ออนไลน์ที่โดนตรวจสอบ และได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงมากกว่า 200 เกม ซึ่งโดยปกติเนื้อหาที่รัฐเห็นว่าเป็นภัย ได้แก่เว็บไซต์จำพวกสื่อลามกและสร้างความรุนแรงไปจนถึงให้ข้อมูลวิพากษ์ วิจารณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล
       
       โดยเดือนที่แล้ว ทางการก็เพิ่งจะประกาศว่าเพลงทุกเพลงที่โพสต์บนเว็บไซต์จะต้องได้รับการ อนุมัติและเนื้อเพลงต่างประเทศต้องแปลเป็นภาษาจีนก่อนด้วย

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000119871


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บทความพิเศษ//คลาวด์คอมพิวติ้งกับเศรษฐศาสตร์โมเดลใหม่บนระบบเครือข่ายขององค์กร (1)

 
 บทความพิเศษ//คลาวด์คอมพิวติ้งกับเศรษฐศาสตร์โมเดลใหม่บนระบบเครือข่ายขององค์กร (1)

แอนดี้ อินแกรม6/10/2552

            เครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ คือ แนวโน้มสุดฮอตที่อยู่ท่ามกลางกระแสความสนใจของภาคเศรษฐกิจและภาคเทคโนโลยี  คลาวด์ คอมพิวติ้ง เมื่อนำมารวมพลังกับซอฟท์แวร์เทคโนโลยีต่างๆ ระบบการบริหารจัดเก็บข้อมูล และศักยภาพในการประมวลผลที่ทันสมัย ก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บีบคั้นระบบเครือข่ายที่ใช้กันมาแต่เดิม แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงก็ตาม ปัจจุบันนี้ หากองค์กรใดต้องการที่จะทำการย้ายถ่ายโอนข้อมูลหรือแอพพลิเคชั่น สิ่งแรกที่จะนึกถึงก่อน คือ ค่าใช้จ่าย จากนั้นค่อยมาเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน แล้วจึงค่อยมาเรื่องของความคล่องตัวในการรองรับงานตราบที่ยังใช้เครือข่าย เดิมอยู่ ซึ่งวิธีการคิดเช่นนี้ ยังประโยชน์ต่างกันไปในแต่ละองค์กร บ้างได้ผลดี และมีอีกมากที่กลายมาเป็นข้อจำกัดทางธุรกิจ

            คลาวด์คอมพิวติ้งดาต้าเซ็นเตอร์เป็นศูนย์กลางการให้บริการบนเครือข่ายเน็ตเวิร์คที่โยงใยลูกค้า, พาร์ตเนอร์, ทีมงาน แม้กระทั่งผู้ควบคุมดูแลระบบเข้าด้วยกัน โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวกำหนดความสามารถในการใช้งาน และสภาพเศรษฐกิจ (economics) และสภาพตลาดเป็นตัวกำหนดสิ่งที่ต้องทำ อาทิ ต้องยกเครื่องคุณภาพการบริการในภาวะที่งบประมาณถูกตัดอย่างรุนแรง หรือภาวการณ์เร่งด่วนที่ต้องรับมือกับการขยายตัวของดาต้าโดยห้ามกระทบการบริ การ  

            สภาพการณ์เช่นนี้สอดคล้องกับรูปแบบความต้องการปัจจุบัน  เทคโนโลยีได้เปิดช่องทางสู่การทำเวอร์ช่วลไลซ์ (virtualize) ตั้งแต่โครงสร้างส่วนกลาง การทำคอมพิวติ้งและระบบการจัดเก็บข้อมูล ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กับขนาดของงานโอปะเรชั่นในชั่วพริบตา ในเวลาเดียวกัน บริษัทและผู้บริโภคทั่วไปก็มีความต้องการด้านการสื่อสารคอนเท้นท์ที่เข้มข้น กว่าเดิม ต้องการบริการที่เร็วยิ่งขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัดของอุปกรณ์หรือสถานที่ และแน่นอนที่ว่า คลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นคำตอบที่ลงตัวเหมาะเจาะกับสภาพการณ์ความต้องการปัจจุบัน - ถ้าเพียงแต่ดาต้าเซ็นเตอร์จะหาทางจัดการกับข้อจำกัดที่ฝังอยู่กับรูปแบบโครง สร้างเครือข่ายที่ออกแบบใช้งานมาแต่เดิมให้ได้

 

ต้นตอที่มาของความซับซ้อนของเครือข่ายเน็ตเวิร์คและความสำคัญต่อธุรกิจ

            ดา ต้าเซ็นเตอร์เน็ตเวิร์คทุกวันนี้ (ข้อยกเว้นน้อยมาก) ซับซ้อนและต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากเกินกว่าที่จะคิดถึงเรื่องคลาวด์คอม พิวติ้งได้ไหว  ผู้บริหารที่ดูแลด้านนี้ควรต้องพิจารณาแนวโน้มดังต่อไปนี้ภายในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตนดูแลอยู่:

โครงสร้างแอพพลิเคชั่น (New application architecture) - แอพพลิเคชั่นโมเดลเดิม "stateful client-server" จำกัดการสื่อสารทราฟฟิกของแอพพลิเคชั่นไว้แค่ "เหนือ/ใต้" ระ หว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนท์ ไม่สามารถขยายการบริการให้รองรับยูสเซอร์จำนวนมากได้ แค่จำนวนหลายหมื่นก็ลำบากแล้ว ลืมไปได้เลยกับจำนวนเป็นล้าน แต่ปัจจุบัน โครงสร้าง Web 2.0 ออกแบบให้มุ่งรองรับการให้บริการโดยเฉพาะ (service-oriented) สามารถกระจายปริมาณทราฟฟิกไปตามเซิร์ฟเวอร์ได้ 

 

รูปแบบใหม่ของคอนเท้นท์ (New content) - เมื่อเราเดินทางมาถึงจุดที่ทุกอย่างเป็น ดิจิตัล หมด ยังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับรูปแบบของ คอนเท้นท์ ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ในรูปแบบตระการตามากกว่าเดิม แน่นอนว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปแบบการสื่อสารและจัดเก็บ และทุกรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นกับข้อมูลเหล่านั้น นั่นย่อมหมายถึงความต้องการด้านอื่นๆ ที่เพิ่มเป็นเงาตามตัว

 

รูปแบบใหม่ของไคลเอนท์ (New client) - ไคล เอนท์ที่ใช้งานแพร่หลายในปัจจุบัน มาในรูปแบบอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ทั้งแบบพกพาสะดวก หรือแบบไร้สาย ดังนั้นโครงสร้างของเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจเก็บข้อมูลก็ต้องเอื้อต่อทิศทางการ เติบโตให้ทันกัน แน่นอนว่า ย่อมมาพร้อมกับทราฟฟิกปริมาณมหาศาลบนเน็ตเวิร์คและการเชื่อมต่อสื่อสารที่มี แต่จะซับซ้อนยิ่งขึ้นไปทุกที  ความพยายามที่ก้าวให้ ทัน หรือให้แซงแรงกดดันข้างต้นนี้เป็นยารักษาโรคได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น หรืออาจจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากซับซ้อนเข้าไปอีกด้วยก็ได้ ตัวอย่างเช่น

อุปกรณ์มากมายหลายจำพวกบนเน็ตเวิร์ค (More network device) - ลง เอยด้วยเน็ตเวิร์คฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งเสริมเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาด่วน ยิ่งเพิ่มความสับสนบนเครือข่าย ยิ่งเพิ่มจำนวนมากยิ่งเพิ่มความสับสนอลหม่านในการต่อเชื่อมสื่อสาร เพิ่มภาระงานล้นบนเครือข่าย ทำให้เกิดความล่าช้า และเกิดค่าใช้จ่ายแฝง

 

เน็ตเวิร์คเฉพาะทาง (Single purpose networks) - ดาต้าเซ็นเตอร์มักจะเพิ่มเน็ตเวิร์คเฉพาะทางเข้ามาในระบบเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะครั้งไป เช่น อีเธอร์เน็ตเคลื่อนย้ายข้อมูล, Fibre Channel SANs เชื่อมต่อระบบจัดเก็บข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์ หรือ InfiniBand ใช้ สื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น แต่ระบบเน็ตเวิร์คย่อยๆ พวกนี้ กลายมาเป็นตัวการที่ทำให้การทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นเป็นเรื่องซับซ้อนยุ่งยาก และเพิ่มภาระให้การปฏิบัติงานประจำวันในการดูแลบริหารระบบเครือข่าย

 

การรวมกลุ่มทรัพยากรและการบริหารเครือข่ายสู่ศูนย์กลาง (Concentration of recourses and management) - การรวมโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติการเข้าสู่ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ว่าจะเป็นของตัวเอง, เอ้าท์ซอร์ส หรือ co-located ล้วนทำให้การใช้งาน, ประสิทธิภาพที่ได้รับ และการบริหารดีขึ้น แต่ก็มีประเด็นที่ต้องกังวลเพิ่มขึ้นเช่นกันในเรื่องของประสิทธิภาพจากงาน, ความเสถียรต่อเนื่องในการใช้งาน หรือกระทั่งเรื่องของความปลอดภัย

 

การทำเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization) - อีกหนึ่งวิธีของการรวบรวมทรัพยากรไว้ที่เดียวกัน คือ ทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นเพื่อสร้างพื้นที่สตอเรจ, เซิร์ฟเวอร์ หรือทำเน็ตเวิร์คปาร์ติชั่นบนเซิร์ฟเวอร์ ทั้งที่จริงๆ แล้วมีอยู่เพียงไม่กี่ตัว วิธีนี้ช่วยเรื่องการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น ฮาร์ดแวร์ สร้างความยืดหยุ่นในการใช้และดูแลจัดการปริมาณงานบนระบบเครือข่ายได้ดี อย่างไรก็ตาม การใช้งานหรือการโอนถ่ายข้อมูลแบบเวอร์ช่วลนั้นเพิ่มแรงกดดันด้าน ประสิทธิภาพและความคล่องตัวของเครือข่าย

            ปัญหา เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ หากแต่อาการเตือนภัยมักจะพบได้ก่อนในสภาวะการทำงานที่เข้มข้น มีความกดดันสูง ที่มักจะส่งผลกระทบไปถึงองค์กรที่ถึงแม้จะไม่ได้มีแผนการว่าจะใช้คลาวด์คอม พิวติ้ง แต่ก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยองค์ประกอบของเทคโนโลยีนี้อยู่ดี

http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=4321&acid=4321

--
ขอเชิญอ่าน  blog.Thank you so much.
chan
http://integration9.blogspot.com/ integration
http://sundara21.blogspot.com/      sandara
http://same111.blogspot.com/        culture
http://sea-canoe.blogspot.com/      seacanoe

การสมัครใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) Gmail.com สำหรับผู้สูงวัย



 From: ICT for All Club <ictforall.th@gmail.com>
Date: ต.ค. 4, 2009 1:48 หลังเที่ยง
Subject: การสมัครใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) Gmail.com สำหรับผู้สูงวัย
To: 
ขอความอนุเคราะห์เผยแพร่ให้ผู้สูงวัยที่สนใจรับทราบโดยทั่วกัน
 
ขอบคุณครับ
 
ทศพนธ์ นรทัศน์
 
ปล.

ผู้สูงวัยท่านใดที่มีปัญหาในการใช้งาน Gmail.com

สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ นายทศพนธ์ นรทัศน์ (ยินดีตอบทุกคำถาม)

สายด่วน โทร. 08-1261-0726

ชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อความเท่าเทียมกัน

Information and Communication Technology for All (ICT for All Club)

ตู้ ปณ.2 ปณฝ.ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10401

e-Mail: info@ictforall.org Website: www.ICTforALL.org




--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
chun
http://tham-manamai.blogspot.com /sundara        
http://dbd-52hi5com.blogspot.com/ dbd_52
http://thammanamai.blogspot.com/ อายุวัฒนา
http://sunsangfun.blogspot.com/ suntu
http://originality9.blogspot.com/ originality
http://wisdom1951.blogspot.com/ wisdom

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"ไอซีที"แย้มขวางประมูล"3จี" อ้างกทช.กีดกัน"ทีโอที-กสทฯ"

วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 21:15:28 น.  มติชนออนไลน์

"ไอซีที"แย้มขวางประมูล"3จี" อ้างกทช.กีดกัน"ทีโอที-กสทฯ"

 

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมว่า หารือถึงการเปิดประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือ 3 จี ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) โดยมีหลายประเด็นที่เป็นข้อถกเถียง เช่น การปิดกั้นไม่ให้ทีโอทีและ กสทฯ เข้าร่วมประมูล แต่กลับเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้ามาร่วมประมูลได้ การปิดกั้นดังกล่าวถือว่ามีผลกระทบและต่อทีโอทีและ กสทฯ อย่างมาก และส่งผลไปถึงการนำรายได้ส่งรัฐด้วย  ซึ่งแต่ละปีทีโอทีและ กสทฯนำรายได้ส่งรัฐกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงไอซีทีจะหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้วิเคราะห์ผลดีและเสียให้รอบคอบอีกครั้ง หากพบว่ารัฐเสียหายควรจะชะลอการประมูลออกไปก่อนได้หรือไม่ และจะทำอย่างไร


นายธีรวุฒิ บุณยโสภณ ประธานบอร์ด ทีโอที กล่าวว่า การเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จีของ กทช.ถือว่า  กระทบทีโอทีและ กสทฯ และยังเปิดโอกาสให้ต่างชาติมาทำธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศ ทั้งที่เป็นเรื่องความมั่นคง จึงไม่ควรให้ต่างชาติเข้ามายึดเอาโครงข่าย 3 จีไปดำเนินการ แต่ควรจะมาร่วมการงานกับทีโอทีและ กสทฯ เพราะมีโครงข่ายอยู่แล้ว จะได้ไม่ลงทุนซ้ำซ้อน 


ขณะที่ พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธาน กทช. กล่าวว่า กทช.เดินหน้าเรื่อง 3 จีมานานแล้ว ขณะที่ทีโอทีและ กสทฯได้คลื่นความถี่มาตั้งแต่ปี 2535 แต่ทำไมเพิ่งมาตื่นตัวตอนนี้ และในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ กทช.จะชี้แจงให้นายกฯเข้าใจถึงรายละเอียดทั้งหมด

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1254493000&grpid=&catid=05

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

"Live Traffic View II" เส้นทางจราจรสายใหม่ หัวใจไอที

วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11528 มติชนรายวัน


"Live Traffic View II" เส้นทางจราจรสายใหม่ หัวใจไอที


คอลัมน์ จูนคลื่น

by waisang@matichon.co.th




จราจรติดขัด รถยนต์คับคั่ง มลพิษท้องถนน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเมืองที่ต้องเผชิญกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในหนึ่งวันเราต้องสูญเสียอะไรไปบ้างกับการเดินทางในกรุงเทพมหานคร แต่วันนี้มีหนึ่งเส้นทางจราจรพลังสีขาวสายใหม่ที่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ซึ่งจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายหรือไม่นั้น มาลองค้นหาคำตอบดู

เส้นทาง จราจรสายใหม่เกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือได้ ไม่ใช่เรื่องความบังเอิญ แต่เกิดจากความตั้งใจที่อยากจะแก้ไขให้จราจรดีขึ้นของนายณัฐชนน เวชสิทธิ์ หรือ "วินโดว์" นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่คว้ารางวัลชนะเลิศเจ้าฟ้าไอที รัตนราชสุดา สารสนเทศ ครั้งที่ 4 ด้วยผลงานการพัฒนาโปรแกรม "รายงานสภาพการจราจรด้วยภาพจากกล้องซีซีทีวี (CCTV) ตามเวลาจริงบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Live Traffic View II)" ประเภทนักเรียน นิสิต นักศึกษา



แอพพลิเคชั่น Live Traffic View สามารถใช้ได้กับทุกคนที่สัญจรในกรุงเทพฯ ไม่มีข้อจำกัดเพียงแค่โทรศัพท์บางยี่ห้อ บางรุ่น หรือบางระบบ โดยพัฒนาจากแอพพลิเคชั่นเดิมให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจนเป็น Live Traffic View เวอร์ชั่น 2.0 ใช้เวลากว่า 3 ปี ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เมื่อดาวน์โหลดโปรแกรมลงมือถือแล้ว สามารถเข้าไปดูสภาพจราจร จากกล้องซีซีทีวีที่มีอยู่ประมาณ 80-90 จุด แสดงภาพการจราจรในลักษณะรูปถ่ายและป้ายอัจฉริยะ 40 จุดร่วมกันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ออกแบบให้สะดวกต่อผู้ใช้ เพียงกดปุ่มตัวเลข หรือจอยสติ๊กก็ได้ เหมือนปุ่มกดเล่นเกมทั่วไป

คุณสมบัติ ของ Live Traffic View คือสามารถบันทึกข้อมูลส่วนตัวที่เรียกใช้แล้ว แสดงภาพในแนวนอนเพื่อให้ได้ขนาดใหญ่ ปรับปรุงฐานข้อมูลอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญบรรลุเป้าหมายคือ ใช้ได้จริงกับโทรศัพท์มือถือทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ทุกระบบ อย่างที่ต้องการ และมีโปรแกรมรองรับระบบ 3 จี และทัชสกรีน (Touch Screen) บนมือถือรุ่นใหม่ได้อีกด้วย อยากค้นพบเส้นทางจราจรสายใหม่แค่เปิดบราวเซอร์แล้วดาวน์โหลดที่ http://dusit.dyndns.org/traffic/traffic.jad ปัจจุบันมีผู้เข้ามาใช้เฉลี่ย 50 ครั้งต่อวัน ในอนาคตจะพัฒนาโปรแกรมให้มีความสวยงาม และทันสมัยน่าใช้มากยิ่งขึ้น


หน้า 26

หากพบเจอเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมทุกประเภท แจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน 1212 หรือ อีเมล์ 1212@mict.mail.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง



ก.ไอซีที จัดกิกรรมสร้างสรรค์โลกออนไลน์ หยุดเว็บฯร้ายโทร 1212 ดึงปชช.มีส่วนร่วมแจ้งเหตุพบเว็บฯไม่เหมาะสม
กระทรวง ไอซีที จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างสรรค์โลกออนไลน์ หยุดเว็บร้ายโทร 1212 เพื่อให้ประชาชนร่วมแจ้งเหตุเมื่อพบเจอเว็บไซต์ไม่เหมาะสมทุกประเภทผ่านทาง สายด่วน 1212 ตลอด 24 ชั่วโมง
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที กล่าวภายหลังการเปิดกิจกรรมรณรงค์ สร้างสรรค์โลก ออนไลน์ หยุดเว็บร้ายโทร 1212 ภายใต้โครงการรวมพลังคนไทยแจ้งภัยร้ายทางอินเทอร์เน็ต เพื่อรับแจ้งเบาะแสเว็บไซต์ที่เข้าข่ายอันตรายและไม่เหมาะสม โดยโครงการรวมพลังคนไทยแจ้งภัยร้ายทางอินเทอร์เน็ตผ่านทางสายด่วน 1212 จะเป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถร่วมกับกระทรวงไอซีทีในการปราบปรามเว็บไซต์ ที่ไม่เหมาะสมและเข้าข่ายอันตรายทุกประเภท เช่น เว็บไซต์ที่กระทบความมั่นคงของประเทศ,เว็บไซต์หมิ่นประมาทละเมิดสิทธิส่วน บุคคล, เว็บไซต์ลามกอนาจาร, เว็บไซต์การพนัน, และเว็บไซต์ขายสินค้าผิดกฏหมาย เช่น ยาเสพติดหรือยาที่ไม่ได้รับอนุญาต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทียังกล่าวด้วยว่า เพื่อสร้างความตระหนักถึงพิษภัยของเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม ทางกระทรวงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างสรรค์โลกออนไลน์ หยุดเว็บร้ายโทร 1212 ตามสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครตลอดจนเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้มากที่สุด พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนทั่วประเทศ หากพบเจอเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมทุกประเภท แจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน 1212 หรือ อีเมล์ 1212@mict.mail.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันปกป้องลูกหลานและร่วมสร้างสังคมไทยให้ปลอดภัยจากสื่อและพิษภัย จากโลกออนไลน์

 
ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : อนงนาฎ สิทธิคง   Rewriter : คณิต จินดาวรรณ
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th



 วันที่ข่าว : 02 ตุลาคม 2552


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/
http://newsblog9.blogspot.com/
http://bloghealth99.blogspot.com/
http://labour9.blogspot.com/
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew