"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ตั้งกก.ศึกษารถเมล์ 4 พันคัน ป.ป.ช.ลุยเอง สภาพัฒน์ฯมุ่งหาข้อมูล"ซื้อ"

  •  "แก้วสรร อติโพธิ" ชี้กลิ่นคาว"รถเมล์4พันคัน"


  •  

    วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11413 มติชนรายวัน


    ตั้งกก.ศึกษารถเมล์ 4 พันคัน ป.ป.ช.ลุยเอง สภาพัฒน์ฯมุ่งหาข้อมูล"ซื้อ"


    ถ่วงดุลปม"เช่า"ของขสมก. มั่นใจเสร็จทันภายใน 30 วัน "โสภณ"เล็งใช้โฆษณาทีวีสู้



    บอร์ด"สศช."มีมติรับพิจารณารถเมล์ 4 พันคัน วางแนวทางกรอบเดิมสมัย"รบ.สุรยุทธ์" เร่ง"คมนาคม"ส่งข้อมูลใน 10 วัน มั่นใจเสร็จทัน 30 วัน ยอมรับมุ่งซื้อรถเป็นหลัก ส่วนปมเช่าศึกษาเพิ่ม 5 ประเด็น เรื่องจำนวนรถ เส้นทาง ตั๋ว ความเสี่ยง ผลตอบแทนด้าน ศก. "ป.ป.ช."ฟิตขอสอบเอง

    @ ป.ป.ช.ฟิตตั้ง"เมธี"สอบ"รถเมล์"เอง

    คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติมอบหมายให้นายเมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานกรรมการในการศึกษาข้อเท็จจริงโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันเพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และมีการตั้งให้นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และอดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เป็นประธานอนุกรรมการการศึกษาข้อเท็จจริงโครงการจัดหารถเมล์ 4,000 คัน เพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนของ ขสมก. เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ในขณะที่โครงการจัดหารถเมล์ 4,000 คันดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างที่รัฐบาลมอบหมายให้คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) ทำการศึกษาภายใน 1 เดือน ว่าสมควรจะเช่าหรือซื้อ

    นายต่อตระกูลกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อนุกรรมการจะศึกษาที่มาที่ไปของโครงการเพื่อรายงานให้คณะทำงานนายเมธีทราบ ยังไม่ใช่การไต่สวนหาความผิดใคร เพราะตามกฎหมายการไต่สวนจะต้องมีผู้ยื่นเรื่องเข้ามาก่อน

    @ อ้างกม.ทำได้-ขู่ฟันขสมก.ไม่ร่วมมือ

    รายข่าวแจ้งว่า ก่อนที่ ป.ป.ช.จะมีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบหาข้อเท็จจริงได้มีการถกเถียงกันอย่างหนักว่า ป.ป.ช.มีอำนาจในการดำเนินการหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 19 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แต่เมื่อดูมาตรา 19(8) ที่มีข้อความระบุว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่เสนอมาตรการหรือข้อเสนอแนะให้กับ ครม. รัฐสภา ศาล หรือ สตง.เพื่อปรับปรุงการบริหารราชการ หรือวางแผนโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตสามารถทำได้

    "อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคยทำเรื่องขอให้ ขสมก.ส่งเอกสารเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมาหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก แม้ ป.ป.ช.จะอ้างว่าไม่ได้ขอข้อมูลมาเพื่อดำเนินการไต่สวนก็ตาม ทั้งนี้หาก ขสมก.ยังไม่ให้ความร่วมมืออีก ป.ป.ช.ก็อาจจะใช้อำนาตตามมาตรา 25(1) ในการเรียกข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้ส่งเอกสารให้กับ ป.ป.ช. ซึ่งหากยังฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามคำร้องขออีก ก็อาจมีผิดตามมาตรา 118 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" รายงานข่าวระบุ

    @ บอร์ดสศช.มีมติรับพิจารณารถเมล์

    วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ สศช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ สศช.ว่า ได้เสนอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แบบไม่เป็นทางการ ให้ที่ประชุมบอร์ด สศช.รับทราบว่าให้ดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน ซึ่งมติ ครม.ที่นำมาเสนอต่อที่ประชุม เป็นข้อมูลที่ได้จดบันทึกไว้ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมบอร์ด สศช.มีมติให้รับเรื่องไว้พิจารณา

    "ที่ประชุมมีมติให้รับโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน เข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดอย่างเป็นทางการ โดยจะใช้รูปแบบการพิจารณาโครงการลงทุน ที่เคยทำกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั่วไป เนื่องจากเห็นว่ามติ ครม.ที่มอบหมายให้ สศช.พิจารณา เป็นประเด็นเกี่ยวกับการซื้อหรือการเช่ารถเมล์ ซึ่งเป็นเรื่องการลงทุนโดยตรง"

    @ ย้ำใช้กรอบเดิมสมัย"รบ.สุรยุทธ์"

    นายอำพนกล่าวว่า บอร์ด สศช.ให้ความสำคัญ และใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนาน มีการสอบถามถึงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอดีต ซึ่งได้ชี้แจงว่าที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 สศช.เคยให้ความเห็นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานของ ขสมก. โดยให้แนวทางชัดเจนว่าการจัดทำแผนงานของ ขสมก.ต้องยึดภาพรวมของระบบการขนส่งในกรุงเทพมหานคร ทั้งเรื่องรถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าใต้ดิน มาเชื่อมโยงให้หมด และยึดเรื่องประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการเป็นหลัก โดยเฉพาะความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน ดังนั้น ภายใต้การศึกษาโครงการรถเมล์ครั้งนี้ ที่ประชุมจึงได้ย้ำให้ใช้กรอบเดิมเป็นแนวทางการพิจารณา

    "ในส่วนของ สศช.เคยมีการเสนอความเห็นในช่วงการพิจารณาของคณะกรรมการระบบราง สมัยที่มีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งขณะนั้นคณะกรรมการระบบรางได้รับทราบความเห็นของ สศช. แต่เป็นความเห็นที่มีการยืนยันมติของ ครม.เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 ด้วย"

    @ คาดใช้ 2 สัปดาห์ดูข้อมูลคมนาคม

    นายอำพนกล่าวว่า การพิจารณารายละเอียดโครงการใหม่ จำเป็นต้องได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น โดยเฉพาะรายละเอียดการลงทุนทั้งหมด ทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดหารถ การคิดดอกเบี้ย การวางระบบอี-ทิกเก็ต รวมถึงรายได้ที่ ขสมก.จะได้รับ ทั้งในส่วนของการกำหนดค่าบริการ รวมถึงเส้นทางการเดินรถต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมามีโครงการลงทุนเกี่ยวกับระบบขนส่งที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุม ครม.ไปหลายโครงการแล้ว โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ และปัจจุบัน นอกจากรถ ขสมก.แล้ว ยังมีรถอื่นของภาคเอกชนวิ่งให้บริการด้วย ซึ่งต้องพิจารณาว่าภายหลังการลงทุนแล้ว ภาพรวมการขนส่งในกรุงเทพมหานครในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ การเชื่อมโยงระบบจะทำได้อย่างไร เพื่อให้การลงทุนคุ้มค่ามากที่สุด

    นายอำพนกล่าวว่า ข้อมูลส่วนนี้ สศช.จะทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงคมนาคมให้จัดส่งรายละเอียดมาให้ภายใน 10 วัน จากนั้น สศช.จะใช้เวลาสองสัปดาห์ในการพิจารณารายละเอียดทั้งหมด และจะนำเสนอบอร์ด สศช.พิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลจากเวทีแสดงความคิดเห็นต่างๆ ด้วย

    @ มุ่งซื้อเป็นหลัก-มั่นใจ 30 วันเสร็จ

    นายอำพนกล่าวว่า เชื่อว่าการพิจารณาของบอร์ดจะอยู่ในกรอบระยะเวลา 30 วัน แน่นอน หากที่ประชุมบอร์ด สศช.ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ อาจจะพิจารณาขยายเวลาต่อไป แต่ยืนยันว่าการพิจารณาของ สศช.ไม่ใช่การซื้อเวลาแน่นอน ในรายละเอียดที่ ขสมก.จะจัดส่งให้จะต้องครบถ้วนและชัดเจนมากกว่าเดิม เช่น เรื่องค่าซ่อม ที่ผ่านมา ขสมก.ใช้หลักคิดแบบเหมา แต่การส่งข้อมูลให้ สศช.ต้องชี้แจงเป็นรายปี เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน โดยยอมรับว่าการพิจารณารายละเอียดจะมุ่งไปที่การซื้อเป็นหลัก เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับการเช่านั้น ทาง ขสมก.ได้นำเสนอข้อมูลไว้เกือบครบถ้วนแล้ว

    @ บอร์ดศึกษาเพิ่มปมเช่า 5 ประเด็น

    นายอำพนกล่าวว่า สำหรับข้อมูลที่บอร์ด สศช.ให้ศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ได้แก่
    1.จำนวนรถเมล์ 4,000 คัน ที่จะนำมาใช้โครงการนี้เป็นจำนวนที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะปัจจุบันมีรถของเอกชนให้บริการอยู่บนถนนเป็นจำนวนมาก ยังไม่รวมรถตู้ที่ให้บริการวันละ 6,000 คัน ด้วย
    2.การจัดเส้นทางรถเมล์ 145 เส้นทาง ในระยะเวลารถแต่ละช่วงมีความสอดคล้องกับการเดินทางของประชาชนหรือไม่
    3.วิเคราะห์ว่าตั๋วรถเมล์ที่กำหนดไว้ 30 บาทต่อวัน ประชาชนที่จะมาใช้จะมีจำนวนเท่าไร เนื่องจากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะมีรถไฟฟ้าหลายเส้นทางให้บริการด้วย จึงไม่แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลานั้นรายได้ที่แท้จริงของ ขสมก.จะอยู่เท่าไร

    4.วิเคราะห์ความเสี่ยงอื่นๆ เช่น การวิเคราะห์ค่าซ่อมรถเมล์จะใช้วิธีหารค่าเฉลี่ย 10 ปีไม่ได้ แต่ต้องวิเคราะห์เป็นรายปีว่าปีที่ 1 ค่าซ่อมเท่าไร ปีที่ 2 เท่าไร ไปจนถึง 10 ปีข้างหน้า และต้องดูด้วยว่าเมื่อใช้รถเมล์ครบ 5 ปีแล้ว ค่าซ่อมในปี 6-10 เทียบกับการจัดหารถเมล์ใหม่มาใช้แทน แบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน และ
    5.จะต้องมีการวิเคราะห์ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ ความคุ้มค่าในการลงทุนว่าควรจะอยู่ที่เท่าไร เนื่องจากโครงการนี้แม้จะเป็นโครงการให้บริการสาธารณะที่ต้องมีปัญหาเรื่องการขาดทุนอยู่แล้ว แต่ต้องไม่มากเกินไป

    @ "โสภณ"เล็งโฆษณาทีวีแก้ข้อสงสัย

    ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ล่าสุด ขสมก.ได้ลงสื่อประชาสัมพันธ์ถึงโครงการรถเมล์เช่า 4,000 คันไปแล้ว ใช้งบประมาณของ ขสมก.เอง เพื่อชี้แจงถึงความตั้งใจทำโครงการนี้ เนื่องจากกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมากถึงความไม่โปร่งใส และต้องการตอบคำถามให้กับสังคม เนื่องจากไม่ใช่โครงการเพื่อคนกรุงเทพมหานครเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีคนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานและใช้บริการรถ ขสมก.จำนวนมาก จึงถือว่าเป็นโครงการเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งรัฐบาลใช้เงินภาษีของประชาชนมาจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับ ขสมก.จากปัญหาการขาดทุนด้วย

    "ขณะเดียวกัน ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะทำการประชาสัมพันธ์โครงการนี้ผ่านป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เพื่อโชว์ผลงานของพรรค และหากได้รับงบประมาณเพิ่มจากพรรคอีก ก็อาจทำโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ เพื่อตอบคำถามประชาชนจนกว่าสังคมจะไม่มีข้อสงสัย" นายโสภณกล่าว

    @ "สนั่น"หนุนเช่าลดงบฯได้4หมื่นล.

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงโครงการจัดรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ซึ่งภูมิใจไทยอยากให้เช่า แต่ประชาธิปัตย์ (ปชป.) อยากให้ซื้อ ว่าคงต้องหาโอกาสทำความเข้าใจกัน ทางไหนที่ดีที่สุดก็เลือกทางนั้น ต้องยึดความถูกต้อง แต่ถ้าจะซื้อก็ต้องไปคิดอีกว่าจะหาวิธีซ่อมแซมรถอย่างไรมีทั้งข้อดีข้อเสีย ส่วนการโฆษกลงหนังสือพิมพ์แจกแจงข้อดีการเช่านั้น คงไม่จะเป็นการกดดัน เพราะสศช.เป็นบอร์ดชุดใหญ่

    เมื่อถามว่าสนับสนุนแนวทางใดมากกว่ากัน พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ต้องดูรายงานของ สศช.ก่อนว่า ระหว่างการเช่ากับซื้ออะไรดีกว่ากัน ในฐานประธานคณะกรรมการกลั่นกรอบพิเศษก็เคยเสนอผลศึกษานี้กับ ครม.แล้ว ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเช่าหรือซื้อดีกว่ากัน เพราะตอนนี้ศึกษาแค่การเช่าเท่านั้น ซึ่งลดราคาจาก 110,000 ล้านบาท เหลือ 60,000 ล้านบาทเศษๆ ถ้าเช่าขณะนี้ ประกาศทีโออาร์ออกไปเพื่อให้เอกชนมาประมูล ราคาน่าจะลดลงบ้าง โดยราคา 6.4 หมื่นล้านบาท ก็ถือว่าพอรับได้ แต่เวลาประมูลจะถูกลง

    @ ชี้"เนวิน-สมศักดิ์"แค่ระบายอึดอัด

    พล.ต.สนั่นยังกล่าวถึงกรณีนายเนวิน ชิดชอบ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มภูมิใจไทยออกมาระบายความอึดอัดใจการทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ก็คงไม่มีนัยยะอะไร ธรรมดาคนอึดอัดก็ระบายออกมาบ้าง แต่ว่าไม่น่าจะสร้างปัญหาให้กับพรรคร่วม ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย คนอึดอัดก็ต้องระบายออกมาบ้าง ไม่ระบายก็ระเบิด

    ด้านนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวถึงกรณีแกนนำภูมิใจไทยวิจารณ์ว่าประชาธิปัตย์เอาแต่ดักจับโครงการพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ไม่เห็นว่า ประชาธิปัตย์จะมาดักจับอะไร ก็ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

    @ "สาทิตย์"ยันภท.ร่วมรบ.ถึงสิ้นปี

    นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีแกนนำพรรคภูมิใจไทยวิจารณ์การทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองปกติ ไม่เฉพาะนายสมศักดิ์ กับนายเนวิน ทุกพรรคก็เคลื่อนไหว ไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทพรรคร่วมรัฐบาล พรรครัฐบาลจะไปบอกว่าห้ามพูดเรื่องพรรคการเมืองเดียวกัน คนก็จะมองว่าเกี้ยเซี้ยกันแต่พอวิจารณ์ก็หาว่าขัดแย้ง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำก็ต้องใจกว้างยอมรับคำวิจารณ์ ซึ่งบางครั้งคนข้างนอกวิจารณ์หนักกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง ก็ต้องอดทนและขยันชี้แจง

    เมื่อถามว่าเป็นการส่งสัญญาณจะแยกตัวปลายปีหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ยังมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยยังร่วมรัฐบาลไปถึงสิ้นปี เพราะ พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.บ.งบประมาณ 2553 ต้องผ่านการพิจารณาของสภาฯ ก่อนเป็นประโยชน์กับประชาชน หากเอาเรื่องการผ่านไม่ผ่านของ พ.ร.ก.และพ.ร.บ.มาเป็นเกมการเมือง ประชาชนจะมองได้ว่าตกลงว่ากำลังทำเพื่อใคร

    @ "แก้วสรร"ได้กลิ่นคาวคอร์รัปชั่น

    ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวกรณีโครงการ รถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ที่เคยคัดค้านไว้ตั้งแต่ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.ว่า ปัญหาโครงการนี้ เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน มีทั้งความไม่สมเหตุผล และกลิ่นคาวคอร์รัปชั่นซ้อนกันอยู่ในโครงการเดียว ความไม่สมเหตุผล ถ้าไม่มีเงินลงทุนแล้ว แล้วทำไมใช้วิธีเช่า แทนที่จะให้เอกชนรับเป็นรถร่วมหรือรับสัมปทานไปเลย ตัวเลข 4,000 คัน ไม่สมเหตุผลเพราะไม่เชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า ตัวเลขเหมาเช่าตลอด 10 ปี ในราคาตายตัว เป็นตัวเลขที่เลื่อนลอยและอันตรายมาก "คาว" คอร์รัปชั่น การแปลงโครงการจากปัญหาการเปลี่ยนเชื้อเพลิงรถ ขสมก. มาเป็นการปฏิรูปรถเมล์ทั้งระบบ เพิ่มการหารถใหม่จาก 2,000 คัน เป็น 6,000 คัน ทิ้งรถที่มีอยู่ที่เป็นการลงทุนเดิม ทั้งรถขสมก.และรถร่วม ทำให้เห็นได้ว่ากระหายจะหารถใหม่อย่างยิ่ง

    @ กทม.แบะท่าดูขสมก.-เอ็นจีวีเอง

    ที่กระทรวงมหาดไทย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่จะประชาพิจารณ์โครงการเช่ารถเมลล์เอ็นจีวี ให้คน กทม.มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ส่วนข้อเสนอที่จะให้ กทม.เข้ามาบริหาร ขสมก.เองนั้น กทม.มีศักยภาพเพียงพอที่จะบริหาร ขสมก.ได้ รวมถึงโครงการรถเมล์เอ็นจีวีนี้ด้วย แต่ในการหารือกับนายชวรัตน์ ไม่ได้เสนอความเห็นนี้ออกไป เพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องการเมือง แต่ถ้าให้พร้อมจะเอา

    ด้านนายชวรัตน์กล่าวว่า การทำจะประชาพิจารณ์หรือไม่นั้น คงอยู่ที่ สศช.จะไปพิจารณา และเสนอกลับมายัง ครม.ภายใน 30 วันหากอะไรยังขุ่นอยู่ก็กวนสารส้มให้น้ำมันใสขึ้น

    @ "ชวรัตน์"บอกต้องเอาหนี้ไปด้วย

    เมื่อถามว่าการเสนอทำประชาพิจารณ์กับคน กทม.จะเป็นการสกัดพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะฐานเสียงใน กทม.เป็นของประชาธิปัตย์ นายชวรัตน์กล่าวว่า ก็ดี ยิ่ง กทม.ไม่ใช่ฐานเสียงของภูมิใจไทย ยิ่งแสดงให้เห็นว่าทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ส่วนข้อเสนอที่จะโอน ขสมก.ให้กทม.ดูนั้น หาก กทม.จะรับไปก็ต้องรับหนี้ไปบริหารด้วย

    นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกประชาธิปัตย์ กล่าว หากพรรคภูมิใจไทยจะโฆษณาเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ผลงานเป็นที่ประจักษ์และเป็นประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพฯ เพื่อเป็นทางเลือก ไม่มีปัญหาอะไรที่จะขึ้นป้ายตามที่ต่างๆ ส่วนจะเป็นการแย่งฐานเสียงใน กทม.หรือไม่นั้น การแข่งขัน ถ้าทำอย่างสร้างสรรค์ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

    @ พท.ยุ"มาร์ค"ใจกล้าล้ม"รถเมล์"

    นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยก็ควรที่จะใช้ความกล้าหาญในการที่จะยกเลิกโครงการเช่ารถมเล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ไม่ใช่ซื้อเวลาเพื่อต่อรองทางการเมืองเพื่อรอให้ พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงินและ พ.ร.บ.งบประมาณ 2553 ผ่านสภาก่อนตามที่เป็นข่าว ด้วยการส่งให้ สศช.ศึกษาว่าจะจัดหาด้วยวิธีการซื้อหรือเช่า

    "เมื่อต้องเสียเวลาศึกษาในกรณีดังกล่าวแล้ว รัฐบาลไม่ควรเร่งรีบให้ สศช.ศึกษาให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน โดยเกรงว่าจะขัดแย้งกับพรรคร่วม แต่ควรที่จะให้ สศช.ศึกษาเพิ่มเติมถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การลงทุนการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ รวมทั้งควรจะศึกษาเพื่อเสนอทางเลือกในวิธีการจัดหาอื่นที่ไม่ใช่ทั้งการซื้อและการเช่ามาเพื่อให้รัฐบาลพิจารณาพร้อมกันด้วย และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ

    นายคณวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังให้ทีมนักวิชาการด้านการขนส่งศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพร้อมให้ข้อเสนอแนะช่วยให้โครงการนี้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปด้วยความโปร่งใส

    @ ตอกลิ่ม"ปชป.-ภท."ขัดแย้งหนัก

    นายวิชาญ มีนชัยอนันต์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มองว่าความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะไม่บานปลายและเชื่อว่าจะไม่ยุบสภาในเร็วๆ นี้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ โดยเฉพาะการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 และ พ.ร.ก.เงินกู้ เป็นต้น และไม่เห็นด้วยที่พรรคภูมิใจไทยขึ้นป้ายคัตเอาท์เพื่อชี้แจงสนับสนุนโครงการเช่ารถเมล์ เพราะชี้นำและจูงใจให้ประชาชนเห็นด้วย อีกทั้งเป็นการกดดันรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลต้องทนแรงเสียดทานให้ได้

    "ได้รับทราบข้อมูลจากผู้ใหญ่ใน ขสมก.ที่เป็นการคุยส่วนตัวว่า ขสมก.จะกลายเป็นแพะรับบาป เพราะรัฐบาลมักเอาอะไรมาใส่ให้ ขสมก. ทั้งๆ ที่เป็นการต้องการจะจ้องหาผลประโยชน์กัน โดยเฉพาะ ผอ.ขสมก.ก็เป็นบุคคลที่นักการเมืองแต่งตั้งมา ดังนั้น จึงอาจเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนและตัดสินใจตามนักการเมืองสั่ง" ส.ส.เพื่อไทยระบุ


    หน้า 1
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0101090652&sectionid=0101&selday=2009-06-09
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0101090652&sectionid=0101&selday=2009-06-09

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    ผู้ติดตาม

    คลังบทความของบล็อก

    เกี่ยวกับฉัน

    รูปภาพของฉัน
    http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew