"ทาส"ที่หาดราไวย์
โดย เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง
ในหลวงเสด็จฯตรวจเยี่ยมชาวเลที่หาดราไวย์ เมื่อปี 2502 |
เมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมา แกนนำเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) กว่า 20 คน ได้เข้าพบนายสาทิตย์และนายนิพนธ์ เพื่อยื่นหนังสือและหารือถึงเรื่องราวความเดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งหนึ่งในหัวข้อนั้นคือปัญหาชาวเลที่หาดราไวย์
ปัจจุบันชาวเลที่ หาดราไวย์ต้องประสบปัญหาที่ดินรุมเร้า เพราะถูกนายทุนอ้างเอกสารสิทธิ ทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่กันมานานหลายชั่วอายุคน แต่เพราะความไม่รู้และวัฒนธรรมที่ไม่ต้องการครอบครองที่ดิน จึงต้องกลายเป็นเหยื่อของนักฉกฉวยผลประโยชน์ ซึ่งชาวบ้านหลายคนต้องถูกฟ้องร้องเพราะต่อเติมบ้านของตัวเอง
สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน |
วิบาก กรรมซ้ำเติมพวกเขาไม่หยุดหย่อน เมื่อมีการประกาศเขตอุทยานและเขตที่ดินเอกชนซึ่งอ้างสิทธิรอบเกาะ ทำให้ชาวเลแทบไม่มีที่ทำมาหากิน ใครรุกล้ำเข้าไปต้องถูกตั้งข้อหาบุกรุก และเมื่อเข้าไปจับสัตว์น้ำก็ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกเขตอุทยาน มีความผิดต้องถูกยึดเรือและเครื่องมือประกอบอาชีพที่เป็นเสมือนลมหายใจแห่ง วิถีชาวเล
มิหนำซ้ำนโยบายรัฐบาลทุกยุคยังสนับสนุนเพียงนโยบายการท่อง เที่ยวในมิติเดียว ทำให้ที่ดินมีราคาเพิ่มขึ้น การแย่งชิงที่ดินถึงขั้นห้ำหั่นเอาชีวิตกันเลยทีเดียว แล้วหนี้สินก็รุมเร้าหนักเมื่อแหล่งหากินน้อยลง แล้วหนักขึ้นอีกคราเมื่อพวกเขาต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟแพงกว่าที่อื่น เพราะต้องพ่วงต่อมาจากบ้านคนนอกชุมชนอีกที
"พวกเราชาวเลอาศัยอยู่ใน ที่ดินผืนนี้มากกว่า 300 ปี ช่วงเวลาหนึ่งที่มีคนอาศัยอยู่กันเป็นชุมชน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง แต่แล้วปี 2508 มีการออกโฉนดที่ดินทับที่ดินชาวบ้านครึ่งชุมชน จนปี 2516 มีการออกโฉนดเพิ่มอีกแปลงครอบคลุมทั้งชุมชน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ปี 2502 พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯลงมาเยี่ยมชุมชนของเรา พวกเราดีใจมากเลย พวกเราอยู่มาก่อนตั้งนาน เราไม่เคยรู้เลยว่าเอกสารสิทธิเป็นอย่างไร เราเข้าใจว่าคนไทยจะอยู่ที่ไหนก็ได้ เมื่ออยู่แล้วก็น่าจะเป็นเจ้าของที่ดินด้วย" หนุ่มชาวเลเล่าถึงที่มาที่ไป
" แต่ตอนนี้เรื่องที่ดินนะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะเมื่อคืนวันที่ 2 มิถุนายน หลังกลับจากพบรัฐมนตรี ปรากฏว่าเวลาเที่ยงคืน มีเจ้าหนี้มาเคาะประตูบ้านและข่มขู่ให้หาเงินมาจ่ายให้ได้ หากไม่มีเงิน จะยึดของใช้ในบ้านให้หมด" หนุ่มจากหาดราไวย์เล่าอย่างน่าสะเทือนใจ "พวกเราถูกกลุ่ม 272 บุกมาที่หมู่บ้านกว่า 20 คน เขาขู่ว่าจะบุกขึ้นบ้านและยึดข้าวของ แต่พวกเรารวมตัวกันตรึงไว้
" ตั้งแต่เดือนมกราคมมาแล้ว พวกกลุ่ม 272 ข่มขู่จะทำร้ายชาวบ้านมาโดยตลอด ตี 1 ตี 2 ก็มาเคาะบ้าน พอตกตอนเช้าก็มาอีก ขู่ว่าจะมายึดของในบ้าน หากไม่จ่ายภายใน 1 วัน คนพวกนี้บอกว่าลูกหนี้จะต้องโดนของแข็ง แถมยังพูดอีกว่าอยากโดนปืนไหม ผมได้แต่หลบแล้วหลบอีก ไม่อยากให้เขาเห็นหน้า" นับวันสถานการณ์ของชาวเลยิ่งเลวร้าย แม้พวกเขาเป็นหนี้จริง แต่หนี้สินทั้งหมดเกิดจากความจำเป็นในชีวิตที่ถูกบีบรัดไปทุกด้าน หากไม่กู้มาก็ไม่มีกินมีใช้ และต้องนั่งรอความตาย
"พวกเขามาถึงก็ ตะโกนเลยว่า ใครอยากลองหรืออยากเจอ เขาเป็นเจ้าหนี้มาคุยได้ แต่ขณะนั้นมีตำรวจอยู่ข้างหลัง เลยถามว่าพวกคุณเป็นใคร เขาบอกว่าเป็นเจ้าหนี้ ทางตำรวจเลยจับพวกทวงหนี้ไป ตอนแรกพวกเราเห็นคนเหล่านั้นมาเพิ่มก็เข้าใจว่าเป็นพวก 272 แต่ตอนหลังมารู้ว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ แต่ก่อนที่ตำรวจจะมานั้น พวก 272 ขู่ว่ามีเงินไหม พอบอกว่าไม่มี เขาบอกว่าให้ไปขึ้นรถกระบะ จะพาไปกินข้าวต้ม" หนุ่มชาวเลเล่าถึงเหตุการณ์อันอันระทึก
ขณะนี้มี ชาวเลบนหาดราไวย์กว่า 244 ครอบครัว หรือราว 2,000 คน อาศัยอยู่ในที่ดินดั้งเดิมกว่า 20 ไร่ แต่ในช่วง 10 ปีมานี้ พวกเขาต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก บางคนทนอดไม่ไหวต้องไปหากินไกลโดยการดำน้ำลึก 40-50 เมตร หลายคนโดนน้ำหนีบเดินไม่ได้
นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ไร้ทิศ ทาง ทำให้ชาวเลในอันดามันต้องเผชิญชะตากรรมต่างๆ มากมาย เช่นเดียวกับชาวเลที่หาดราไวย์ แม้พวกเขาอยู่กันมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกเกาะภูเก็ต แต่สุดท้ายต้องถูกไล่ที่ ทุกวันนี้ไม่มีแม้กระทั่งน้ำและไฟฟ้าใช้
พวกเขาต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อแย่งกันเข้าส้วมกลางแจ้งที่ชายหาด เพราะที่ดินของพวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ขุดบ่อน้ำ สร้างห้องน้ำ
ตอนนี้พวกเขากำลังถูกกดขี่และเป็นกระสอบทรายให้กับนายทุนขูดเลือดขูดเนื้อจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ยิ่งกว่าการค้าทาสยุคเก่า
จะมีใครบ้างหนอที่เห็นใจและเข้าใจวิถีชีวิตชาวเลอย่างพวกเขา แทนที่จะมุ่งแต่การท่องเที่ยวแบบไร้สติ
หน้า 9
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01way02070652§ionid=0137&day=2009-06-07
See all the ways you can stay connected to friends and family
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น