"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สมเพช"ค่าโง่"ซ้ำซาก รถเรือดับเพลิง สุดฉาว โศกนาฏกรรมหมู่ คนไทย

วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11412 มติชนรายวัน


สมเพช"ค่าโง่"ซ้ำซาก รถเรือดับเพลิง สุดฉาว โศกนาฏกรรมหมู่ คนไทย





ในที่สุด คดีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็กลายเป็น "โศกนาฏกรรมหมู่"

เมื่อคณะทำงานอัยการ พิจารณาสำนวนคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มี "วัยวุฒิ หล่อตระกูล" รองอัยการสูงสุด เป็นประธานฯ มีมติเห็นควรส่งฟ้อง

1.นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)

2.นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย

3.นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย

4.นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์

5.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม.

6.พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.

และ 7.บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค จำกัด

ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาท

มหากาพย์อื้อฉาวนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2546 เมื่อบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเซียลฟาห์ซอย ประเทศออสเตรีย ทำหนังสือถึง "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" รมว.มหาดไทยขณะนั้น เสนอขายรถเรือดับเพลิงล็อตใหญ่ ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร

ครั้งนั้น "วันนอร์" ไม่อนุมัติ

ปี 2547 พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เสนอ "สมัคร สุนทรเวช" ผู้ว่าฯกทม. นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง

แต่ถูกยับยั้งอีกครั้ง

เพราะ "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ส.ส.มหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ เวลานั้น นำข้อมูลแฉกลางสภาว่า "ถ้าซื้อภายในประเทศจะถูกกว่ามหาศาล"

แต่ "ประชา มาลีนนท์" รมช.มหาดไทย แย้งว่า "คนละสเปค" พร้อมผลักดันให้ ครม.จัดซื้อรถเรือดับเพลิง ด้วยระบบ "การค้าต่างตอบแทน"

ที่สุด 20 กรกฎาคม 2547 ครม.ทักษิณ อนุมัติ จัดซื้อรถดับเพลิง 315 คัน เรือดับเพลิง 30 คัน พร้อมครุภัณฑ์ มูลค่า 6,687 ล้านบาท

โดยเป็นเงินของรัฐบาล 60%

เงินของ กทม. 40%

ต่อมา "โภคิน พลกุล" รมว.มหาดไทย ได้เซ็นข้อตกลงความเข้าใจ (เอโอยู) กับเอกอัครราชทูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย จากนั้น 27 สิงหาคม 2547 "สมัคร" เซ็นทิ้งทวน ก่อนหมดวาระ 3 วัน

เมื่อ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" เข้ามารับตำแหน่ง ได้ทำหนังสือถึง มท.1 เพื่อทบทวนสัญญาการจัดซื้อ เมื่อ 13 ตุลาคม 2547

ก่อนจะยกเลิกการเปิด "แอลซี" (หนังสือรับรองธุรกรรมทางการเงินเพื่อการนำเข้าและส่งออก) ที่ทำไว้สมัย "สมัคร"

ยกเลิกได้ไม่นาน ก็สั่งเปิด "แอลซี" ใหม่อีกรอบ

พร้อมรับเอารถเรือดับเพลิงเข้ามาล็อตแรก 72 คัน เมื่อ 27 มกราคม 2549 โดยอ้างว่า "ปฏิบัติตามสัญญาที่มีผลทางกฎหมายแล้ว"

คดีดังกล่าว "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ยื่นให้ ป.ป.ช. สอบตั้งแต่ปี 2547

ใช้เวลาเกือบ 5 ปี กว่าจะมีมติสรุปหลักฐานเสนอ "ชัยเกษม นิติศิริ" อัยการสูงสุด ให้ส่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น..?

ในทางคดี ก็ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม "ใครผิด" ก็ต้องถูกลงโทษ บางคนอาจถึงขั้นหมดอนาคตทางการเมือง

ที่สำคัญกว่านั้นคือเรื่อง "ค่าโง่" ที่เงินภาษีของประชาชนคนไทยจะต้องจ่ายให้กับบริษัทเอกชน

กล่าวคือ การจัดซื้อรถเรือดับเพลิง ล็อตดังกล่าวมูลค่า 6,687 ล้านบาท ในสัญญาจะถูกแบ่งจ่ายออกเป็น 9 งวด

งวดหนึ่งใช้เวลา 6 เดือน

งวดแรกจ่ายไปเมื่อต้นปี 2550 ก่อนจ่ายมาอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลานี้จ่ายไปแล้วเป็นงวดที่ 5 มูลค่าที่จ่ายไป 3,715 ล้านบาท

และกำลังจะต้องจ่ายเงินงวดที่ 6 จำนวน 743 ล้านบาท ในเดือนสิงหาคม 2552

ส่วนงวดที่ 9 งวดสุดท้าย จะปิดดีลในเดือนกุมภาพันธ์ 2554

อย่าคิดว่า หากศาลมีคำพิพากษาออกมาว่ามีการ "ทุจริต" จริง ค่างวด ค่าโง่ ต่างๆ ที่ กทม.จะต้องจ่ายให้บริษัทสไตเออร์ฯจะต้องยุติ

ไม่ใช่

คำพิพากษา เป็นเพียงแค่การ "หยุดเลือดไม่ให้ไหล" ชั่วคราวเท่านั้น

เพราะเมื่อถึงที่สุดแล้ว กทม.ก็จะต้องยื่นฟ้องบริษัทสไตเออร์ฯ ในลักษณะ "เอารถคืนไปเอาเงินคืนมา"

แล้วใครจะยอม

เนื่องจากบริษัท สไตเออร์ฯถือว่า ได้ทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง

ที่สุด เมื่อเกิดความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย คือบริษัทสไตเออร์ฯกับ กทม. ก็ต้องมีการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการขึ้นมา เพื่อพิจารณาคดีดังกล่าว

ซึ่งเป็น "หนังยาว" ที่ดูจะหา "ตอนจบ" ไม่เจอ

แต่ที่สุดแล้ว เชื่อเถอะประเทศไทยจะต้อง "เสียค่าโง่" อีกครั้งแน่นอน

จะมาก จะน้อยก็ต้องเสีย เพราะเวลานี้ รถเรือดับเพลิง ยังไม่ได้นำมาใช้ แต่จ่ายเงินไปแล้ว 5 งวด

เหมือน "ค่าโง่" ที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เสียค่าโง่ ต้องจ่ายเงินและคืนเงินให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด 12,388 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีการยกเลิกสัญญาสัมปทาน โครงการรถไฟยกระดับโฮปเวลล์

หรือค่าโง่เรือขุด "เอลลิคอตต์" ที่กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี เสียเงินให้บริษัทอเมริกันไปแล้ว 2,000 ล้านบาท แต่จนวันนี้ยังไม่ได้เรือ

นี่ไม่ใช่เป็นแค่ "โศกนาฏกรรมหมู่" สำหรับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

หากแต่เป็นโศกนาฏกรรมหมู่ของคนไทยทั้งประเทศ

หน้า 3
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01col01080652&sectionid=0116&day=2009-06-08

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew