"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วัตถุนิยมและคุณธรรม : ทิศทางภาคประชาชนท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง

วัตถุนิยมและคุณธรรม : ทิศทางภาคประชาชนท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง
โดย : ทีมงาน ThaiNGO  เมื่อ : 3/06/2009 11:15 AM
มูลนิธิชุมชนไท เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อการพัฒนา ที่ให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดกระบวนการพัฒนาคนจนในเมืองและชนบท ที่มีชุมชนเป็นเป็นพลังหลักในการตัดสินใจ และดำเนินการแก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน เมืองและท้องถิ่น

มูลนิธิชุมชนไท ได้ย้ายที่ทำการมูลนิธิใหม่จึงได้จัดงาน "เปิดบ้านใหม่มูลนิธิชุมชนไท" เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา พร้อมกันนั้นยังถือโอกาสจัดปฐกถาพิเศษ "ทิศทางภาคประชาชนท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง" โดย ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ ประธานมูลนิธิชุมชนไท ที่เป็นการวิเคระห์สังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนไปทิศทางใด สาเหตุเกิดจากอะไรและสร้างความเปลี่ยนแปลงของทัศนคติ ค่านิยมของคนในสังคมอย่างไร

"ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่งจะย่างเข้ามาเป็นประเทศอุตสาหกรรมอย่างอ่อนๆ เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ระบบทุนนิยมก็เพิ่งเข้ามามีอิทธิพลในระบบเศรษฐกิจของไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา และได้มีผลรต่อชุมชนไทย สิ่งที่เป็นอันตรายต่อความเป็นชุมชนคือ ทุนนิยมสุดโต่งหรือที่เรียกกันว่าทุนนิยมสามานย์ ที่มีการสะสมทุนเป็นหลักสำคัญมีความโลภและความเห็นแก่ตัว เป็นเครื่องสนับสนุนให้มีการขับเคลื่อน มีการแข่งขันและการเอาชนะเป็นสิ่งจูงใจ มีการทำกำไรสูงสุดเป็นจุดมุ่งหมาย สิ่งที่จะต้องดูกันต่อไปว่าในที่สุดสังคมไทยเลือกที่จะรักษาความเอื้ออาทร ความเป็นชุมชน หรือเลือกที่จะเอาวิถีชีวิตของระบบทุนนิยมที่ยกย่องความร่ำรวย นับถือเงินตรา เน้นความโลภไม่รู้จักพอ ตลอดจนลัทธิเหตุผลนิยมแทนความเชื่อมั่นในศีลธรรมจริยธรรมและศาสนา เพราะสังคมที่เราเห็นมันเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมากมาย อันเนื่องจากการที่เราเอาความคิอของฝรั่งแล้วมาตีความแบบผิดๆ ว่าต้องมีการสะสมทุนล้วนจะร่ำรวยอยู่ดีมีสุข

ในทางตรงกันข้ามสังคมตะวันตกโดย เฉพาะอย่างยิ่งสังคมที่เป็นคริสต์แบบโปแตสแตนท์นั้น เขาสอนให้มีความมานะขยันขันแข็งกล้าและท้าทายความยากจนในการทำงานเพื่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งไอ้เราเอามาก็ตีความหมายผิด ทำให้บ้านเราเมืองเราถึงได้ถูกครอบงำโดยระบบคิดแบบทุนนิยนสามานย์ เข้ามาทำให้ทำลายความสมดุลของธรรมชาติและชุมชนให้ได้รับความเสียหายอย่างมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าละลายยิ่งนัก"
ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ กล่าวเปิดการปฐกถาพิเศษ

นอกจากนั้น ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ ยังวิเคราะห์ประเด็นเกี่ยวกับการสร้างความโลภ ให้แก่คนทำให้ไม่เข้าใจและแทนที่ความดีด้วยเงินตราทำให้นำมาสู่การล่มสลายของระบบสังคม ชุมชนอันที่ส่งผลร้ายต่อความคิดของคนที่มุ่งสร้างความร่ำรวย โดยไม่สนใจคนอื่นรวมทั้งจริยธรรมและคุณธรรรม

"เงินตรากลายเป็นเครื่องวัดคุณค่าของคนแทนคุณธรรม จริยธรรม ในช่วงการเปลี่ยนผ่านได้มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น เมื่อเงินตรากลายมาเป็นพระเจ้ามันก็ไม่มีที่ว่างสำหรับศีลธรรม คุณธรรมความซื่อสัตย์ มันเป็นแก้วสารพัดนึกมันก็ไม่มีทางที่จะสิ้นสุดได้ นอกจากนั้นการโฆษณา การสร้างเงินเป็นสัญลักษ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ทุกวันนี้มันไม่มีอะไรที่จริงแท้ อะไรก็ตามที่คนเชื่อว่าจริงก็ไม่ใช่เรื่องจริง คำกล่าวที่ได้ยินมาว่า สิ่งที่สูงสุดที่น่าบูชาคือความดี เดี๋ยวนี้มันหมดแล้วหรือ? โลกในปัจจุบันนี้มันมีแต่ความโกหกทั้งนั้น ไม่เคยเห็นว่าโฆษณาที่ไหนจะมากเท่าเมืองไทยเลย มันล่อให้เกิดความอยากได้และกลายเป็นคนโลภ มันน่าประหลาดใจมาก

ลัทธิทุนนิยม เราเอามาจากชาติตะวันตกความแปลกประหลาดที่มันเกิดขึ้น เพราะเราไม่เข้าใจในแก่นของสาระของตัวระบบทุนที่เขาว่ากัน ทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงิน แต่ฝรั่งให้ความหมายของทุนว่ามันเกิดจากความมานะ พากเพียร อุตสาหะ แต่เราไม่เข้าใจเพียงแต่มองเผินๆ จึงไม่เห็นแก่นปรัญาของมันจึงทำให้เขาใจผิด ซึ่งนำมาความเสียหายแก่สังคมและชุมชน"
ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ กล่าวต่อ

ทางออกที่รอดพ้นจากการครอบงำของวัตถุนิยม คือการหวนคืนกลับมาสู่การสร้างสังคมแห่งการเอื้ออาทรต่อกันโดยเอาชุมชนเป็นหลัก เพราะระบบทุนนิยมเครื่องมือที่สำคัญคือการโฆษณ าและให้คุณค่ากับสิ่งของที่ฟุ่มเฟือยทำให้ระบบคุณค่าทางสังคม คุณธรรมหมดความหมาย ซ้ำร้ายสังคมทั้งสังคมจะต้องพังทลายลงหมด และกลายเป็นทาสทางความคิดหากไม่หันกลับมาสู่สังคมแห่งความเข้าอกเข้าใจ และเกื้อกูลกันเหมือนอย่างที่เป็นมาในอดีต

"ความสัมพันธ์แบบตลาดเป็นสิ่งต้องห้ามทางศีลธรรม ระบบที่อำนาจเงินเป็นอำนาจสูงสุดความสัมพันธ์ไม่ได้มีพื้นฐานอยู่ที่คุณธรรม คือความเมตตา และความเอื้ออาทรต่อกัน แต่เป็นความโลภ ความต้องการร่ำรวย และการหวังประโยชน์โดยตรงเช่นต้องการความสะดวกต้องการอำนาจผูกขาด ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่สังคมหันกลับเคารพคุณค่าความเป็นคน มากกว่าสิ่งของหรือเงินตรา ระบบสังคมก็ต้องเปลี่ยนตาม เพราะในอดีตสังคมไทยก่อนจะเข้ามาของทุนนิยมโลกผ่าบบรรษัทข้ามชาติ สังคมมีแต่ความเอื้ออาทรต่อกัน สายป่านแห่งสังคมมันมีในทุกวัฒนธรรม และที่สำคัญที่สุดสังคมต้องการความเข้าใจ โดยอาศัยชุมชนเป็นหลักในการจัดการกับตนเองด้วยการพอเพียงและยืนอยู่บนศีลธรรม ความดีของศาสนา ไม่ใช่ระบบคุณค่าของทรัพย์สิน" ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม

สภาวะความเลวร้ายของสังคมที่ปรากฏให้เห็นในทุกวันนี้ มันเริ่มจากการที่สังคมความเป็นชุมชนถูกทำให้หมดไป ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่และแก่งแย่งชิงกัน ทำให้การกล่อมเกลาทางสังคมมีน้อย คนที่อยู่ในสังคมจึงมีความเปราะบางทางจิตสำนึก โดดเดี่ยวตัวเองออกจากผู้อื่นและสังคม ทำให้สังคมวุ่นว่ายไม่มีที่สิ้นสุด

"ความขัดแย้งทั้งหลายจะขจัดโดยอาศัยโครงสร้างทางการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ อย่างน้อยมันต้องอาศัยแบบปฏิบัติของสังคมด้วย ศาสนาสอนให้เราอยู่อย่างปรองดองและไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ในสังคมเราก็เหมือนกัน ตอนผมเด็กๆ มีคนทะเลาะกัน แล้วแม่ผมก็ไปทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย สังคมเรามันก็สามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยความเข้าอกเข้าใจไม่ยาก นั่นแหละความเหมาะสมของการไม่ทำลายและหาทางออกให้สังคม มันต้องเริ่มที่ความเป็นชุมชนก่อน ถ้าอย่างนั้นสภาวะที่ไม่พึงปราถนาจะเกิดขึ้นกับชุมชนของเรา ชุมชนที่ผมพูดถึงนั้น หมายถึงสังคมชุมชนในทุกระดับ ถ้าพวกเราจะหาการปรองดองต้องหันกลับมายึดเอาคุณธรรม จริยธรรม เป็นที่ตั้งไม่เช่นนั้นความวุ่นว่ายก็ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านหรือประเทศชาติเองก็ตาม ไม่มีข้อยกเว้น" ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ กล่าวส่งท้ายการปฐกถาพิเศษ

คุณธรรม จริยธรรม และความเอื้ออาทร จึงเป็นเสมือนรากฐานของสังคม เมื่อรากฐานของสังคมเข้มแข็งแล้ว สังคมย่อมเติบโตและมั่นคงเพราะอยู่บนฐานที่แข็งแรง ความเกื้อกูลกันสังคมปัจจุบันต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าการพัฒนาเอาเงินเป็นตัวตั้งอย่างเดียวโดยแยกส่วนจาก สังคม วัฒนธรรม ศาสนธรรม ย่อมมีแต่จะนำผลเสียมาสู่สังคมเท่านั้น ดังตัวอย่างของสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้องยอมรับว่าทุกอย่างเกิดจากการโฆษณาและคิดแบบแยกส่วน จึงก่อให้เกิดปัญหาสังคม การเมืองมากมายอย่างที่เห็น


ทีมงาน
ThaiNGO

มูลนิธิกองทุนไทย
webmaster@thaingo.org

3 มิถุนายน 2552

http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=1218

Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew