ใจ อึ๊งภากรณ์: วิเคราะห์อำนาจอำมาตย์
Mon, 2009-06-01 20:29
"รัฐ" คือองค์กรปกครองประเทศในยุคสมัยนี้ ที่สำคัญคือ มันมากกว่าแค่ 'รัฐบาล' และ 'รัฐสภา' อย่างที่เลนิน หรือนักมาร์กซิสต์อื่นๆ เคยอธิบาย มันประกอบไปด้วย ทหาร (ชั้นสูง) ตำรวจ (ชั้นสูง) ศาล คุก และข้าราชการ(ชั้นสูง) เราอาจรวมองค์มนตรีและประมุขแห่งรัฐเข้าไปด้วย และกลุ่มคนเหล่านี้มีอิทธิพลในการคุมสื่อ องค์กรศาสนา และระบบการศึกษาอีกด้วย
นอกจากนี้ในหมู่คนที่เราอาจเรียกรวมๆ ว่าเป็น "ชนชั้นปกครอง" เรายังต้องรวมนักธุรกิจนายทุนรายใหญ่ๆ ทั้งๆ ที่นายทุนเอกชนไม่ใช่ส่วนหนึ่งของรัฐ แต่ที่สำคัญเขาใช้อำนาจเศรษฐกิจการเงินของเขาในการกำหนดทิศทางการทำงานของรัฐได้ รัฐจึงไม่เป็นกลาง และไม่ใช่ของประชาชน และอย่าลืมว่า เวลาเราพูดถึงนายทุนในไทย มันรวมนายพลที่สะสมทุนผ่านการคอร์รัปชั่น รวมถึงทรัพย์สินส่วนกษัตริย์ด้วย เพราะศักดินาเก่าแปรรูปไปเป็นนายทุนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
"รัฐ" จึงถือได้ว่าเป็นเครือข่ายของคนชั้นสูงที่มีเส้นสายสัมพันธ์ ทั้งในด้านส่วนตัวมิตรสหายเครือญาติ และในด้านผลประโยชน์ร่วม ซึ่งทำให้เขาร่วมมือกันในการทำงาน ทั้งๆ ที่อาจมีการทะเลาะกันเถียงกันบ้าง นี่คือระบบอุปถัมภ์ "ร่วมกันกิน" และที่เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย เพราะอะไร?
เราจะสังเกตเห็นว่า "รัฐ" มีทั้งส่วนที่อาจมาจากการเลือกตั้ง เช่น รัฐบาลและรัฐสภาในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย และอีกส่วนซึ่งใหญ่กว่าที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเลย เป็นกลุ่มคนและสถาบันที่มีอำนาจนอกกรอบรัฐธรรมนูญและกติกาประชาธิปไตยแท้ อำนาจอำมาตย์จึงมีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นไทย สหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน สแกนดีเนเวีย หรืออินเดีย....
ประเด็นที่เราต้องตีให้แตกคือ เราจะกดทับอำนาจอำมาตย์ในระยะสั้น เพื่อไม่ให้ละเมิดประชาธิปไตยมากเกินไป แล้วในระยะยาวเราจะกำจัดมันให้หมดไปอย่างไร
ถ้าเปรียบไทยกับยุโรปตะวันตก จะเห็นว่าในยุโรป อำนาจประชาชนกดทับอำนาจอำมาตย์ไปได้บ้างในระยะสั้น จึงไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยเท่ากับประเทศไทย
ข้อสรุปสำคัญจากการวิเคราะห์แบบนี้คือ การเลือกตั้งอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะลดอำนาจอำมาตย์ได้ ซึ่งเราเห็นในกรณีความไร้อำนาจของรัฐบาลพลังประชาชนเมื่อปีที่แล้ว และการแก้รัฐธรรมนูญไม่เพียงพอที่จะลดอำนาจอำมาตย์ด้วย เพราะอำนาจเขาอยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญ
เมื่อเราเข้าใจตรงนี้ ข้อเสนอให้กาช่องไม่เลือกใคร (No Vote) ของ อ.ชูพงษ์ ถี่ถ้วน ไม่มีน้ำหนักหรือเหตุผลเพียงพอ เพราะมีคำถามตามมาว่ ามันจะทำให้คนเสื้อแดงเข้มแข็งอย่างไร? มันให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากเกินไป และถ้ากาช่องไม่เลือกใครแล้วกลับบ้าน...หลังจากนั้นทำอะไรต่อ? อย่าลืมว่า อ.ชูพงษ์เคยอยู่กับ อ.ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ซึ่งเป็นอดีตคอมมิวนิสต์ที่ไปจับมือกับทหาร และหน้าที่ของกลุ่มอาจารย์ประเสริฐในอดีตและปัจจุบัน คือการสร้างความสับสนในขบวนการประชาชนเพื่อแสดงความจงรักภักดีกับทหารและกษัตริย์ในที่สุด
ในระยะสั้น เราจะใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการลดอำนาจอำมาตย์ที่อยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญหรือกรอบกติกาประชาธิปไตย? อำนาจที่สำคัญคืออำนาจมวลชนผู้รักประชาธิปไตย คนเสื้อแดงนั้นเอง มันหมายความว่าคนเสื้อแดงต้องเปลี่ยนจากผู้ที่เคยไปลงคะแนนเสียงแล้วกลับบ้าน ไปสู่คนที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ถ้าจะให้สมบูรณ์มากขึ้น เราต้องทำอะไร?
ต้องมีการสร้างพรรคเสื้อแดง จากกลุ่มคนเสื้อแดงเอง ซึ่งจะต่างจากพรรคที่นักการเมืองสร้างจากบนลงล่าง เราทุกคนต้องพัฒนาตนเองเป็นนักการเมืองและนักวิชาการของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เราต้องเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภาในทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนจนและพลเมืองธรรมดา เช่น ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาการเลือกปฏิบัติหรือการเอารัดเอาเปรียบทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่ผูกพันกับประชาธิปไตย
อย่าลืมว่าอำมาตย์ขโมยประชาธิปไตย เพราะเขาเสียประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 'พรรคแดง' ต้องเรียกร้องให้มีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ครบวงจร ผ่านการเก็บภาษีจากคนรวยและการกระจายรายได้
พรรคแดงต้องเข้าไปช่วงชิงความคิดในขบวนการสหภาพแรงงาน เพราะขบวนการนี้มีอำนาจพิเศษคืออำนาจต่อรองที่มาจากการนัดหยุดงาน รัฐและอำมาตย์จะได้ผลกระทบถ้ามีการนัดหยุดงาน เราไม่ควรปล่อยให้พันธมาร ขยายการเมืองในสหภาพแรงงานฝ่ายเดียว
พรรคแดงต้องเข้าไปจัดตั้งและพยายามให้ความคิดกับนักศึกษา ซึ่งเป็นหนุ่มสาวไฟแรงที่สนใจความคิด และในขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมอื่นๆ เช่นขบวนการสิทธิสตรี ขบวนการต้านโรงไฟฟ้า ขบวนการสิทธิคนรักเพศเดียวกัน ขบวนการคนพิการ หรือขบวนการคนชนเผ่า หรือชนกลุ่มน้อย อย่าปล่อยให้เอ็นจีโอเหลืองๆ มีอิทธิพลในขบวนการเหล่านี้ฝ่ายเดียว
เราต้องไม่หลงเชื่อว่าเราจะแทรกเข้าไปในกลุ่มคนชั้นสูงเพื่อเอาเขามาเป็นพวกได้ เพราะผลประโยชน์ของอำมาตย์ตรงข้ามกับผลประโยชน์ประชาชน นั้นคือสาเหตุที่อำมาตย์เกลียดประชาธิปไตย เขาไม่ได้ "หลงผิด" เขาปกป้องผลประโยชน์เขาต่างหาก ดังนั้นต้องเน้นกลุ่มคนที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ รัฐ หรือนายทุนใหญ่ เพื่อให้ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และเพื่อบังคับให้มีการลดอิทธิพลของอำมาตย์ในสังคม
หลายคนอาจคิดว่ามันคงเป็นเรื่องใหญ่ ใช่เลย มันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ได้แปลว่าเสื้อแดงในประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะเราไม่ด้อยกว่าใครในประเทศอื่น การตั้งพรรคแดง การที่พรรคแดงสร้างหรือนำขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นเรื่องสำคัญ เรารอให้คนอื่นทำแทนไม่ได้ พรรคเพื่อไทยอ่อนแอมาก และไม่ว่า ส.ส.บางคนของเพื่อไทยจะดีแค่ไหน เขาจะไม่มีพลังหนุนช่วยเขา ถ้าเราไม่สร้างขบวนการเสื้อแดงให้เข้มแข็งและอิสระนอกรัฐสภา
อำนาจอำมาตย์ที่เป็นอำนาจนอกกรอบรัฐธรรมนูญ อาศัยสองขาคือ (1) ความรุนแรง/การปราบปราม และ (2) การสร้างภาพความชอบธรรมเพื่อครองใจประชาชน
ส่วนแรกเขาได้เปรียบเรา แต่ถ้าเราผูกมิตรกับทหารระดับล่างที่เป็นลูกหลานประชาชน มันก็จะช่วยลดอำนาจตรงนี้ แต่ส่วนที่อำมาตย์อ่อนแอที่สุดคือในส่วนการสร้างความชอบธรรมเพื่อครองใจประชาชน ดังนั้นภารกิจหลักของเราชาวเสื้อแดง คือการโต้เถียงกับความคิดของอำมาตย์ในทุกเวที เราต้องกล้าเถียงว่า ทำไมต้องมีประชาธิปไตยแท้ ทำไมทุกตำแหน่งสาธารณะในสังคมต้องมาจากการเลือกตั้ง ทำไมไม่ควรมี "สูง-ต่ำ" พลเมืองทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ทำไมรัฐบาลแย่ในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ทำไมต้องมีระบบยุติธรรม ไม่ใช่สองมาตรฐาน ทำไมคนจนเป็นผู้สร้างชาติ ไม่ใช่ภาระหรือผู้ที่ควรถูกขูดรีดเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ เป็นต้น
เราสามารถและจำเป็นที่จะต้องชนะอำนาจอำมาตย์เพื่อสร้างประชาธิปไตยและให้ประชาชนเป็นใหญ่ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดจากแค่การเลือกตั้ง มันเป็นสงครามทางการเมืองที่สำคัญ และบังคับให้เราชาวเสื้อแดงแปรตัวเป็นมืออาชีพ
http://www.prachatai.com/journal/2009/06/24509
What can you do with the new Windows Live? Find out
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น