นวัตกรรมทำมือ สื่อการสอนสู้เศรษฐกิจ เสริมการศึกษาเด็กไทย
โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช
ทรงห่วงใยราษฎร์ พระราชทานฝนหลวง ชาวนาทั้งปวง ยินดีปรีดา |
ไม่แปลกที่รัฐบาลก่อนๆ จะมีนโยบายส่งเสริมการศึกษาเยาวชนของชาติ โดยจัดแบ่งงบประมาณแผ่นดินจำนวนหนึ่งสำหรับการจัดหาเทคโนโลยีสารสนเทศไปเพิ่มคุณภาพการศึกษาของประชาชน
เช่น โครงการซื้อคอมพิวเตอร์แจกโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศเมื่อปี พ.ศ.2548 โครงการซื้อโน้ตบุ๊ก 1 ล้านเครื่อง แจกนักเรียน ป.1-6 ที่เรียนดีแต่ยากจนในต่างจังหวัดเมื่อต้นปีก่อน ฯลฯ
กระนั้นก็มีหลายโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ที่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกเบื้องต้น อย่างไฟฟ้ายังไปไม่ถึง คอมพิวเตอร์ที่ได้มาจึงยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะแม้แต่ครูสอนหนังสือ ทั้งโรงเรียนยังมีไม่ครบอัตราจ้างด้วยซ้ำ
สื่อการสอนแบบพื้นๆ ที่อาศัยวัสดุหาง่ายใกล้ตัว เช่น กระดาษ กาว เส้นเอ็น เข็มหมุด กรรไกร ฯลฯ ที่ "พระมหาสมพงษ์ มหาปุญโญ" วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ได้จัดทำขึ้นเมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อน เพื่อใช้ประกอบการบรรยายให้ความรู้ตามโรงเรียน จึงเป็นของมีคุณค่ามหาศาล
ครั้งนั้นกระทรวงศึกษาธิการเห็นประโยชน์ของสื่อชนิดนี้ และผลักดันเข้าไปในระบบการศึกษา มีการจัดงบประมาณให้จัดทำเพื่อแจกจ่ายไปตามโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาทั้งหมด 300 โรง ในปี พ.ศ.2548 แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ มีโรงเรียนที่ได้ใช้สื่อที่จัดทำขึ้นในการเรียนการสอนจริงก็เพียงไม่กี่แห่ง
ถึงวันนี้ผ่านมาราว 5-6 ปีแล้ว พระมหาไพฑูรย์ ปนฺตนนฺโท ประธานกองทุน "กองทุนธรรมะเพื่อสันติภาพของโลก" วัดชลประทานรังสฤษฏ์ เข้ามาทำหน้าที่สืบต่อ
ด้วยเห็นความสำคัญของสื่อการสอน ที่ใครๆ ก็สามารถทำเองได้โดยง่าย พระมหาไพฑูรย์จึงจัดทำสื่อชุดใหม่ เพื่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ นำแนวพระราชดำริ "เศรษฐกิจพอเพียง" ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นกุญแจสำคัญ ปลูกฝังความคิดเรื่องการกินอยู่อย่างพอเพียงให้กับเยาวชนรวมทั้งฆราวาสทั่วไปที่เข้าฟังการบรรยาย
พระมหาไพฑูรย์เล่าถึงจุดตั้งต้นของการจัดทำสื่อการสอนชนิดนี้ว่า ท่านอาจารย์ "มหาสมพงษ์ มหาปุญโญ" วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ซึ่งมรณภาพไปเมื่อ 6-7 ปีก่อนเป็นผู้ที่คิดจัดทำขึ้น เพื่อใช้สอนประกอบการบรรยายทั่วไป ส่วนมากจะนำสุภาษิต คำพังเพย ชาดก นิทานพื้นบ้าน ฯลฯ มาใช้สอน ภายหลังกระทรวงศึกษาธิการเห็นว่ามีประโยชน์ จึงผลักดันเข้าไปในระบบการศึกษา
แต่ก็บูมอยู่เพียงพักเดียว บางโรงเรียนได้สื่อแล้วเก็บ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คิดว่าไม่จำเป็นเพราะเห็นว่ามีสื่อไอทีอยู่แล้ว
บางคนบอกว่าเป็นสื่อสำหรับเด็กเล็ก แต่ไม่ใช่ เพราะสื่อนี้สามารถใช้สอนเด็กได้ตั้งแต่ชั้น ป.1-ม.6 อย่างถ้าเราให้ภาพ (สื่อการสอน) กับเด็กโตแล้วให้เขาระดมสมองออกพรีเซ็นต์ พร้อมกับการแสดงละคร จะสนุกมาก เพราะจุดเด่นของสื่อคือ จะขยับได้ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนดูคนฟัง รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมซึ่งได้จากภาพและที่เขาแสดงเอง
ตัวอย่างเช่น โรงเรียนลาซาลจันทบุรี (มารดาพิทักษ์) เริ่มเรียนรู้จากอาตมาและนำไปทำสื่อการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สุขศึกษา ทุกสาระการศึกษาเลย เนื่องจากอธิการฯโรงเรียนส่งเสริมให้บรรดาครูอาจารย์ใช้สื่อทำจากกระดาษ แล้วได้ผลด้วย ปัจจุบันโรงเรียนลาซาลฯ เป็นที่หนึ่งของจังหวัดจันทบุรีในการทำสื่อชนิดนี้ ถือเป็นต้นแบบของการทำสื่อการสอน
พระมหาไพฑูรย์บอกอีกว่า เมื่อก่อนการทำสื่อการสอนด้วยกระดาษของพระมหาสมพงษ์จะสอนจะเน้นเรื่องประเพณีเป็นส่วนใหญ่ ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม สอนให้รู้จักความกตัญญู รวมทั้งนำเอาสุภาษิต คำพังเพย ฯลฯ มาสอน ส่วนสื่อที่เพิ่งจัดทำขึ้นใหม่เป็นชุด "พอเพียง" เพื่อให้เข้ากับสภาวการณ์ของสังคมไทยในปัจจุบัน
(บน) ถนนทุกสาย มากมายรถยนต์ ควันพิษลอยวน ต้องรีบแก้ไข (ล่าง) ร่วมกันปลูกป่าให้เขียวขจี รักษ์วนาลีชีวีร่มเย็น |
"ชุด "พอเพียง" เดินตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสังคมไทย เราฟังในหลวงตรัส แต่ถ้าถามว่าเอามาทำกันได้สักกี่คน...น้อยมาก และไม่ค่อยจะเข้าใจด้วยว่า "พอเพียง" นั้นเป็นอย่างไร ฉะนั้น ในส่วนของเนื้อหาที่นำมาสร้างสื่อชุดใหม่มีด้วยกันหลายเรื่อง โดยอาจารย์ธรรมวิทย์ สุวรรณพฤกษ์ เป็นคนวาดให้ แบ่งเป็นเรื่องของชนบท 6 ภาพ และในเมือง 6 ภาพ เราจะให้มุมมองของการเป็นอยู่อย่างพอเพียง จากนั้นคนที่พอฉลาดมีความรู้ก็จะต่อยอดของเขาเอง"
ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง "สามสหาย" พูดถึงเพื่อน 3 คน ที่ไม่พอใจในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จนเกิดการทะเลาะวิวาทและทำลายต้นไม้ที่อยู่อาศัยของตน นอกจากนี้ ก็จะพูดถึงการปลูกพืชผักรับประทานเอง
ถ้าเป็นเรื่องสอนคนในเมืองจะพูดถึงการประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ เพราะถ้าเราใช้โดยไม่รู้จักปิดจะเป็นการเปลืองมาก
"ตอนนี้เสร็จหมดแล้ว แต่เรายังไม่ได้ตีพิมพ์เป็นแผ่นสำเร็จรูป เพราะต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมาก ในเบื้องต้นจึงทำเพียงแค่เราพอใช้ได้เองก่อน โดยใช้เงินจาก "กองทุนธรรมะเพื่อสันติภาพของโลก" ซึ่งทางคณะกรรมการบริหารของวัดชลประทานรังสฤษฏ์ดูแลอยู่"
พระมหาไพฑูรย์บอกอีกว่า เงินจากกองทุนธรรมะเพื่อสันติภาพของโลกเมื่อครั้งที่จัดทำสื่อการสอนชุดแรกๆ พอมีการประชาสัมพันธ์ออกไปก็มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสนับสนุนเข้ามาเพื่อใช้ในการทำสื่อ แต่ตอนนี้เราเอาเงินตัวนี้มาสร้างสื่อชุดใหม่ แต่ยังไม่ได้ประกาศออกไป จึงยังไม่มีเงินเข้ามา
"อาตมาไปดูแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต่อการศึกษาระดับล่างเป็นอย่างมาก เพราะโรงเรียนหลายๆ แห่งไม่มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเพราะครูผู้ใหญ่มากๆ ใช้ไอทีไม่สันทัด ก็ให้ความสนใจ และสื่อกระดาษชนิดนี้ทำเองได้ง่าย ทนไม้ทนมือด้วยและเมื่อชำรุดเสียหายก็สามารถซ่อมเองได้
ก่อนหน้านี้มีฆราวาสที่กำลังทำปริญญาโทเรื่องสื่อการสอน มาขออนุญาตทำการวิจัยเรื่องนี้ พบว่าใช้ได้ผลจริง ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 88.9 คนพอใจมาก เด็กนักเรียนพอใจ ผู้ปกครองพอใจ อย่างที่โรงเรียนลาซาลจันทบุรีมีผู้ปกครองที่พาลูกมาเรียนกันมาก
ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ วันเสาร์-อาทิตย์ก็ใช้สื่อนี้สอนเด็ก แต่อาตมาใช้สอนอยู่ผู้เดียว เพราะจะต้องเป็นพระหรือโยมที่มีความรู้ หรือที่เคยอ่านแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงจะเข้าใจและสามารถใช้สื่อนี้สอนได้"
ส่วนครูอาจารย์ที่ต้องการจะได้สื่อการสอนชุด "พอเพียง" นี้ไปสอนในโรงเรียน พระมหาไพฑูรย์บอกว่า ตอนนี้ทางวัดไม่มีวัตถุดิบสำหรับผลิตแจกจ่ายไปตามโรงเรียน เพราะไม่มีคนสนับสนุน แต่ถ้าครูอาจารย์สนใจ สามารถเข้ามาเรียนรู้การทำสื่อ แล้วกลับไปทำใช้เองได้ โดยติดต่อมาได้ที่ พระมหาไพฑูรย์ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ โทร.0-2583-8217, 08-9509-6682
หรือถ้าจะให้การสนับสนุน สามารถผ่านทางบัญชี ชื่อบัญชี พระมหาไพฑูรย์ วรรณบุตร และ/หรือ นางลัดดาวัลย์ แก้วสว่าง และ/หรือนางสุกัญญา นิยยตรุษ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยคาร์ฟูร์ แจ้งวัฒนะ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 376-2 04054-8
เพราะการส่งเสริมเยาวชนของชาติให้เติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง ในสังคมการเรียนรู้อย่างพอเพียงเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งในปัจจุบัน
หน้า 20
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra01030652§ionid=0131&day=2009-06-03
Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น