"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แกะรอย เรื่องสื่อใต้สะดือไทย

แกะรอย เรื่องสื่อใต้สะดือไทย
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 4 กรกฎาคม 2552 00:05 น.


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น




     ถ้าจะแกะรอยเส้นทางความเป็นมาของสื่อลามกที่สร้างจินตนาการเสียวซ่านให้กับหนุ่มๆ ไทยครั้งแรกๆ ก็ต้องเริ่มย้อนไปเมื่อ 40-50 ปี ตั้งแต่ยุคทองของ “หนังสือปกขาว”
       

       กำเนิดหนังสือปกขาว

       
            แม้จะไม่มีหลักฐานตายตัวมายืนยันว่า “หนังสือปกขาว” เกิดขึ้นมาสร้างความเสียวให้กับหนุ่มๆ เมื่อไหร่ แต่เชื่อกันว่าน่าจะเกิดขึ้นในระหว่างหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะก่อนหน้านั้นตลาดของคนอ่านหนังสือไม่น่าจะคุ้มค่ากับการทำ
“หนังสือใต้ดิน”
       
    
          
 “หนังสือปกขาว” ในยุคแรกๆ รูปเล่มเป็นแบบไสกาวมีขนาดเท่ากับ “พ็อกเกตบุ๊ก” ความหนามาตรฐานประมาณ 1-2 เซนฯ กว่าๆ ราคาเล่มละ 20 บาท (ยุคที่ก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท) หน้าปกเป็นรูปผู้หญิงพิมพ์สีเดียวลงบนพื้นขาว จึงเป็นที่มาของ “หนังสือปกขาว” ภายในเล่มก็เป็นเรื่องเสียวให้อ่านกันล้วนๆ โดยหน้ากลางจะมีภาพการร่วมเพศเป็นภาพขาว-ดำแทรกไว้ประมาณ 4 ภาพ ซึ่งนักเขียนที่ขึ้นชื่อในการวางพล็อตเสียวอ่านแล้ว จี๊ด... จ๊าด...! เรียกว่าไม่ผิดหวังก็คือนามปากกาอย่าง “ช้างดำ” “นกแก้ว” และ “รำภา” 
           
            รุ่งเรืองอยู่นาน...แต่แล้วการเดินทางของมันก็มาถึงจุดต่ำสุดเมื่อ “หนังสือปกขาว” เริ่มหันมาเน้นภาพประกอบมากขึ้น พร้อมกับเนื้อเรื่อง Sex ที่เคยสร้างความตื้นเต้น กลับไม่ค่อยพิถีพิถันเหมือนช่วงแรกๆ “หนังสือปกขาว” แบบใต้ดินจึงค่อยๆ จางหายไป
       
       โป๊ปกขาวก้าวสู่โป๊ 4 สี

           
            เมื่อเทคโนโลยีการพิมพ์เข้าสู่ระบบออฟเซต 4 สี หนังสือโป๊เมืองไทยก็เปลี่ยนจากยุคปกขาวมาเป็นปกสีและมีรูปแบบเป็นหนังสือโป๊ตลาดบนมากขึ้น โดยรูปเล่มหนังสือโป๊รุ่นใหม่นี้ มีขนาดเท่าสมุดเลกเชอร์ มีภาพสีที่ปกและหน้ากลาง ที่เหลือเป็นขาวดำ เข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคา แต่นานเข้าก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากการถ่ายแบบไม่พิถีพิถัน แถมเรื่องอ่านก็ไม่ (ดิบ) โดนใจเหมือน“หนังสือปกขาว” ที่หลายคนๆ ติด จึงทำให้ต้องรีบปรับรูปแบบกันยกใหญ่ 
            
            จนกระทั่ง “แมน” ปรากฏตัวในช่วงระหว่าง พ. ศ. 2515-2516 ซึ่งเป็นช่วงยุคแสวงหาเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ โดยมีนักคิดนักเขียนมากมาย ในช่วงนั้น “แมน” ออกมาโดยฉีกแนวหนังสือโป๊ (ใต้ดิน) แบบเดิมๆ ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่พวกเขาเรียกตัวเองว่าหนังสือแนว “นู้ด” โดยเนื้อหาภายในเล่มจะเป็นพวก เรื่องสั้น บทกวี สารคดี ประกอบกับภาพ “นู้ด” ที่หน้าปกและหน้ากลาง ซึ่งก็ได้รับความนิยมพอสมควร 
            
           กระทั่งอีก3 ปีต่อมา นิตยสาร “นู้ด” คู่แข่งอีกเล่มหนึ่งก็เกิดขึ้นนั่นคือ “หนุ่มสาว” พอถึงปี 2520 ก็มี “นิตยสารนางแบบ” ออกมาแย่งส่วนแบ่งอีกหนึ่งเล่ม ด้วยจุดแข็งที่รูปภาพ “เปิดอก” เรียกว่าเป็นต้นแบบของการเปิดอกในตลาดบนเลย
       ทีเดียว อย่างไรก็ดีหนังสือนู้ดทั้ง 3 เล่มที่โด่งดังก็โดนคลื่นลมซัดหายไปด้วยข้อหา “
ลามกอนาจาร” 
            
            หายหน้า-ตาไปราว 3 ปี
“หนุ่มสาว” กลับมาเกิดอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาเน้นจุดขายเรื่องเนื้อหา ต่อมาปัญญาชนเริ่มให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าให้ความสำคัญกับสังคม ทำให้หนังสือ “นู้ด” ระดับบน (ซึ่งพยายามเรียกตัวเองว่า “หนังสือผู้ชาย” เพราะกลัวถูกเหมารวมว่าเป็น “หนังสือโป๊” แบบตลาดล่าง) เลยปรับกลยุทธ์ ลดเนื้อหาแนวก้าวหน้าลง ชูจุดเด่นเรื่องนางแบบ
           
            ในช่วงนั้นเองที่ช่างภาพ “นู้ด” หลายคนมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น "ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์" และ "เคน ชมพู" เป็นต้น ภายหลัง เคน ชมพู ก็ออก “เรียม” ออกมาประกบกับ “หนุ่มสาว” เป็น 2 เจ้าในตลาด เหมือนในอดีตที่ “แมน” ประกบกับ “หนุ่มสาว” 
           
            โดยนางแบบที่ขายดี ในช่วง พ.ศ. 2523 ก็คือ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, สุพรรณี จิตเที่ยง, ฉวีวรรณ บุญปรก และช่วงนี้เองที่ ธีรพงศ์ ฉกตัว เพ็ญพักตร์ มาถ่าย “นู้ด” คู่กับ สุพรรณี ได้ เป็นหนังสือเฉพาะกิจที่ยอดขายถล่มทะลายสุดๆ ในยุคนั้น
            
            พ.ศ. 2525 ขณะที่หนังสือโป๊ปกสีแบบเย็บมุงหลังคากำลังฟัดกันแบบดุเดือด (มีมากกว่า 50 หัว เช่น นวลนาง, ลีลารัก, ทีเด็ด, สาวไวไฟ) อยู่ดีๆ “ไทยเพลย์บอย” โดยทีมงาน “เฮียกังฟู” ก็ผงาดขึ้นมา ด้วยจุดเด่นกับการให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่แยกเป็นหมวดหมู่ พร้อมกับเปิดคอลัมน์ “สวิงกิ้ง” และตั้งกลุ่ม “สวิงกิ้ง” ขึ้นมา ส่งผลให้ “ไทยเพลย์บอย” ฮิตติดลม
           
            พ.ศ. 2541 หนังสือโป๊ปกสีแบบเย็บมุงหลังคาตกที่นั่งลำบาก จากการโดนกวาดล้าง ชนิดที่โป๊มาก-น้อยก็จับหมด ทำให้พวกเขาอยู่ในภาวะจนตรอกจนและเริ่มนำภาพโป๊มาเปิดให้เห็นกันจะจะ อล่างฉ่างโดยมี Super Sexy เป็นหัวขบวน ทำให้เล่มอื่นๆ นั่งไม่ติด จึงออกมาแย่งกันอล่างฉ่างอ้าซ่า โดยเล่มที่ได้รับความนิยมและมีคนมาอุดหนุนกันมากมาย ก็คือ CL ทั้ง “อาริกาโตะ อาโนเนะ” เป็นต้น 
           
            นอกจากนี้ค่ายนี้ยังมีแบบ 4 in 1 คลอดหัว 4 ฮอตช็อตเด็ด ภายในเล่มที่มีทั้ง ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น และเนื้อเรื่องเรต X โดยถือเป็นการแข่งขันของหนังสือโป๊ที่ดุเดือดเอามากๆ
       
       
ยุคทองของการ์ตูน X ไทย
       

           
เมื่อการแข่งขันของหนังสือโป๊ทั้งไทยและเทศเริ่มบี้กันมากขึ้น ช่วงนี้แหละที่การ์ตูน X แบบแปลได้เข้ามาให้คนไทยได้ตื้นเต้นกับความแปลกใหม่ (ไม่นับ “เดอร์ตี้โจ๊ก” แบบช่องหรือสองช่องจบที่มีมานานกว่า) 
           
           
จากที่มีแต่การ์ตูน X แบบแปลๆ เข้ามากินส่วนแบ่งตลาดมากเข้า ก็ทำให้คนไทยใช้ช่องว่างทางการตลาดที่ว่างอยู่นี้สร้างการ์ตูน X แบบไทยๆ ขึ้นมา และการ์ตูน X ที่ถือว่าฮอตที่สุดก็คือเล่มที่ใช้ Logo รูปปาก เนื่องจากมีคนเขียนลายเส้นฝีมือดีๆ อยู่หลายคน รวมถึงเนื้อเรื่องที่ดุเด็ดเผ็ดแบบไทยๆ ไม่แพ้ “หนังสือปกขาว”
            
            โดยนักวาดและนักแต่งเรื่องมือดีในยุคนั้นที่เรียกแฟนได้มากมายก็คือคนที่ใช้นามปากกาว่า “เหลนดง” และ “เห่าไฟ” ภายหลังค่ายรูปปากมีการผลัดเปลี่ยนเจ้าของเพราะมีคำว่า X คอมมิคการ์ตูนอยู่บนหัวเล่มนักเขียนฝีมือดีคงเหลือแต่ “เหลนดง” นอกนั้น ฝีมือการวาดไม่ถึงขั้น ความนิยมของการ์ตูนโป๊จึงหดหายไป
       
       
หนังโป๊ 8 มิล
       

            แล้วก็มาถึงยุคทองของหนังโป๊ 8 มิล ซึ่งจะว่าไปจริงๆ แล้วยุค หนัง 8 มิล มีมานานกว่า 60 ปีแล้วในบ้านเรา แต่ก็มีเฉพาะแวดวงชั้นสูงที่มีเครื่องฉายภาพยนตร์ ซึ่งราคาจะแพงมากๆ
           
            โดยยุคแรกๆ จะมีเพียงหนังขาวดำ ต่อมาก็มีหนังสี ความยาวก็มีตั้งแต่ 10-30 นาที ระดับค่าเช่าก็อยู่ที่ความยาวของหนัง สนนราคาที่ 600-1,000 บาท ถ้าเป็นหนังขาวดำก็ตกอยู่ที่ราคา 400-600 บาท ราคาเช่าสนนอยู่ที่ 100 บาท และวันอวสานก็มาถึง เมื่อ VDO ราคาถูกเริ่มเข้ามาแพร่หลายนั่นเอง
       
       
VDO โป๊ ฟีเวอร์
       

             ยุคนี้เรียกว่ายุค VDO ฟีเวอร์ก็คงจะไม่ผิด... 
             
            ซึ่งจริงๆ แล้ว VDO เทป เริ่มเข้าสู่ตลาดเมืองไทยใกล้เคียงกับทั่วโลก (พ.ศ. 2523) ซึ่งมี 2 ฟอร์แมทให้เลือก คือแบบ Beta max จากค่าย Sony และระบบ VSH จากค่าย Panasonic โดย Beta max จะตลับเทปจะเล็กกว่า เล่นได้กับเครื่องเล่น Sony ขณะที่ VSH จะเล่นได้กับเครื่อง National จนในที่สุดสงครามก็จบลงที่เครื่องเล่น National ขายดีกว่า รวมถึงเจ้าอื่นๆ ก็หันมาผลิตเครื่องระบบ VSH จำนวนเทปที่ให้เช่าตามร้านเช้า VDO เทปแบบ Beta max จึงหายไป
           
            เทป VDO โป๊ ทั้งหนัง R และ X มีมาพร้อมกับเทคโนโลยีนี้เลย ซึ่งในยุคแรกๆ จะหาหนังเช่ากันได้จากร้านเช่า VDO ที่เปิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดย เรต X หนังฝรั่งจะใช้มุมกล้องบังเห็นแต่ท่าทางแทน ผิดกับหนังญี่ปุ่นที่มีอะไรกันจริงๆ 
           
           
ทางด้านหนังไทยนั้นแรกเริ่มก็เป็นหนังใต้ดินแบบมือใหม่หัดสร้างซึ่งก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อเทียบกับหนัง R แบบไทยแล้ว ความนิยมหนัง X หงอยเหงาแทบเทียบกันไม่ติด โดยแหล่งขายก็ไม่พ้น คลองถม, สะพานเหล็ก หรือถ้าจะเป็นแถวเมืองนนท์ ก็จะเป็นบริเวณก่อนถึงท่าน้ำนนท์ เลย 3 แยกไปหน่อย กระทั่งปี 2535-2536 ก็เกิด “ร้านเจ๊วรรณ” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหลังกำแพงคุกบางขวางใกล้ 3 แยกนนท์
       

       VCD-DVD มาแว้ว…!
       

            มีสูงสุดก็มีต่ำสุดเป็นธรรมดา เมื่อ VCD และ DVD เคลื่อนเข้ามาครอบครองตลาด ทั้งนี้ VCD ยุคแรกๆ จะเป็นแบบแผ่นใหญ่ๆ และต้องเล่นกับเครื่องที่มีราคาแพง แต่คุณภาพของภาพและเสียงนั้นดีกว่า VDO มาก กระทั่งคอมพิวเตอร์ PC เริ่มขยายจำนวนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้าน โดยจะมีเครื่องเล่น ซีดี รอม บรรจุอยู่ด้วย แผ่น VCD ก็สามารถเล่นจากเครื่องคอมฯ ได้ หนัง X หรือ หนัง R ที่หันมาบันทึกลงแผ่น VCD จึงได้รับความนิยมมากขึ้น 
            
            ต่อมาราคาเครื่องเล่น VCD ก็ถูกลงมาก จึงทำให้แผ่น VCD ได้รับความนิยมมากขึ้น ประกอบการขนาดของแผ่นบางเบา เก็บรักษาได้นาน และอีกจุดเจ๋งอีกหนึ่งจุดของ VCD ก็คือเรื่องเสียง และภาพคมชัดกว่า เพราะเป็นระบบดิจิตอล หัวอ่านในเครื่องก็เป็นเลเซอร์ จะ Forward จะ Rewind ยังไงก็ไม่มีปัญหา แต่ VCD ก็มีปัญหาอยู่บ้าง
            
            จนกระทั่ง Format ของ DVD เข้ามากลบจุดด้อยเรื่องความยาวทางด้านเวลาของ VCD เพราะจุข้อมูลหนังโป๊ได้มากกว่า ที่สำคัญภาพและเสียงก็กิ๊กกว่า…ทำให้ความนิยมของ VCD ค่อยถูกกลืนหายไป
       

       
Bit Torrent ครองโลก
       

          
ยุคสุดท้ายการตั้งโต๊ะขายหนังโป๊…ไหมเพ่…! แบบที่เราเจนตา แทบจะหมดความหมายเมื่อมาถึงยุคมหัศจรรย์แห่งโปรแกรม Bit torrent ในคอนเซปต์สังคมแห่งการแบ่งปัน และยุค Internet ความเร็วสูง 
       
    
            โปรแกรม Bit Torrent เข้ามาในเมืองไทยประมาณ 4-5 ปี โดยเป็นการแลกเปลี่ยนไฟล์ในลักษณะการทำงานแบบ peer-to-peer เป็นการทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมีการติดต่อกันโดยตรง ไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเมื่อคุณใช้โปรแกรม Bit Torrent โหลดหนังโป๊ในเว็บไซต์ที่เขาเปิดให้บริการอยู่ คุณก็จะสามารถเป็นผู้ให้ และ ผู้รับในเวลาเดียวกันได้ โดยไฟล์ที่ต้องการจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ และในการรับ-ส่งไฟล์ก็จะทำงานทีละส่วน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ชิ้นส่วนที่ต่อเนื่องกันก็ได้ เมื่อเราได้ชิ้นส่วนครบเมื่อไหร่ก็แสดงว่าการดาวน์โหลดไฟล์ของเราเสร็จสมบูรณ์ 
           
           ทั้งนี้ การเกิดขึ้นของโปรแกรม Bit Torrent ถือเป็นความมหัศจรรย์สุดๆ แบบที่ หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ เจ้าพ่อไอทีเมืองไทยให้คำจำกัดความว่า เป็นยุคที่
Bit Torrent ครองโลก 
       
    
             “ถามว่าคนที่เอาไฟล์หนังโป๊ ไฟล์หนัง ไฟล์เพลง มาลงในเว็บเปิดให้คนโหลดจะได้อะไร…นอกจากความสะใจและคำขอบคุณในเว็บปล่อยให้โหลดแล้ว ก็ไม่ได้อะไรครับ” 
           
           
ส่วน Bit Torrent จะครองโลกไปอีกนานแค่ไหน หนุ่ยสรุปตอบทันทีว่า "ตราบนานเท่านาน"
       
    
            นับตั้งแต่วันนี้ก็น่าศึกษาต่อไปว่าสื่อเสียวๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือของไทยจะเดินทางไปสู่จุดไหนให้เราๆ ท่านๆ ได้ตื่นเต้นและค้นหาอีก…!

       
               ข้อมูล เรียบเรียงใหม่จาก หนังสือ พี่…พี่… โป๊มั้ยพี่ ของ สัญฐลักษณ์ พงษ์’สุวรรณ และ a day ฉบับ 37
       
                            *************************
       
                                           เกร็ดเสียว
            - หนังสือโป๊ยุคแรกของเมืองไทย เป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องเพศศึกษาด้วยภาษาในเชิงวิชาการมากกว่าหนังสือโป๊
       
             - หนังสือโป๊วางขายบนแผงอย่างจริงจังครั้งแรกราว พ.ศ.2490 โดยมีหนังสือในเครือ “ชาติไทย”เป็นเจ้าตลาด
       
             - หนังสือโป๊ที่มีฉากรักของคนไทย มีการถ่ายและจัดแสงแบบมืออาชีพครั้งแรกเมื่อ ปี 2538 ในชื่อ “เปิดบริสุทธิ์”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000075351


--
Please visit my blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
http://lifeanddeath2mcu.blogspot.com
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.pdc.go.th
http://www.biz652.com
http://dbd-52.hi5.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew