"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Amber Alert Plan

Amber Alert ..

 

 

 

ตามสถิติของมูลนิธิกระจกเงาที่ทำการบันทึกจำนวนผู้ที่สูญหายซึ่งมีญาติหรือครอบครัวไปแจ้งไว้
กับทางมูลนิธิให้ช่วยตามหาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 - 2552 มีจำนวน 1,287 คน
และที่สามารถตามหาจนพบมีจำนวน 856 คน ซึ่งทางมูลนิธินั้นรับแจ้งคนหายทุกช่วงวัย
ทั้งคนแก่ คนหนุ่มสาวหรือเด็กๆ

 

 


ระยะหลังมานี้เราๆ คงเคยจะได้รับเมลหรือ fwd. เมล หรืออาจจะเคยเห็นกรอบเล็กๆ
บนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ลงประกาศตามหาเด็กหาย บ่อยครั้งเปิดดูแล้วเห็นดวงตากลมๆ ใสๆ
ฉันก็ได้แต่ถามตัวเองว่า เด็กพวกนี้หายไปไหน หายไปได้ยังไงและจะมีซักกี่คนที่ได้กลับบ้าน
เพราะระบบการตามหาเด็กหายของเราดูจะให้น้ำหนักและความไว้เนื้อเชื่อใจไปที่มูลนิธิต่างๆ
ที่ให้ความช่วยเหลือมากกว่าจะฝากความหวังไว้ที่ตำรวจซึ่งมีสิทธิ-ความรับผิดชอบในการสืบสวน

สอบสวนโดยตรง

 

 

 

 

หากจะมองเพียงแค่ตัวเลขสถิติ ปัญหาเด็กหายในบ้านเราดูเหมือนจะเทียบไม่ได้กับสถิติ

เด็กหายในอเมริกา(ซึ่งมักจะก่นด่าว่าปัญหาเด็กและเยาวชนของเราโยงใยกับการค้ามนุษย์)

ตามที่มีการบันทึกไว้ว่าเด็กๆ ในประเทศอเมริกาจำนวน 750,000 คนที่ถูกแจ้งความหายไว้

ซึ่งก็มีทั้งที่หนีออกจากบ้านและถูกลักพาตัว

 

 

 

 

ในแต่ละปีจะมีเด็กจำนวน 100 คนถูกลักพาตัว หรือ 3-4 วัน / 1 คน
9 ใน 10 คนนั้นเป็นเด็กผู้หญิง ซึ่ง 5 ใน 10 คนถูกลักพาตัวเพื่อกระทำทางเพศ
และเศร้าสลดหดหู่เพราะ 3 ใน 4 ของเหยื่อ จะถูกฆ่าภายในเวลา 3 ชั่วโมงหลังถูกลักพาตัว

 

 

 

 

 

 

 

 

Amber Hagermana , a victim

 

 

 

 

 

ปี 1996 เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ชื่อว่า Amber Hagerman ซึ่งอาศัยอยู่ที่เท็กซัสก็เช่นกัน
ที่ตกเป็นเหยื่อของการลักพาตัว และต่อมาภายหลังมีผู้พบศพเธอและผลชันสูตรบ่งชี้ว่า

เธอถูกกระทำทางเพศก่อนที่จะถูกเชือดคอ ฆ่าปิดปาก และนำศพมาทิ้งจนมีผู้ไปพบ

 

 

 

เหตุอันน่าสลดนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นเลย หรืออาจจะไม่ต้องจบอย่างน่าเศร้าเช่นนี้
ถ้าเพียงแต่สามารถที่จะเปลี่ยนอะไรบางอย่างภายในเวลา 8 นาที หลังจากที่เด็กหญิง

เริ่มต้นขี่จักรยานออกจากบ้าน จนกระทั่งนาทีที่ 8 ที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์

ว่ามีเด็กถูกอุ้มขึ้นรถไปในลักษณะที่เด็กดิ้นรนขัดขืนจากการลักพาตัว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวอันน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิง Amber เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วอเมริกา
จนทำให้มีคนตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจกับสื่อถึงไม่ประสานงานกันในทันทีที่เกิดกรณี

มีเด็กถูกลักพาตัว และจากคำถามนั้นเองที่ผู้บริหารของสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ในเมโทรเพล็กซ์
คิดเห็นว่าเป็นไอเดียที่ดี จึงนำมาก่อร่างสร้างให้เป็นรูปธรรม และนำมาใช้ได้จริงในปี 1997
หรือหนึ่งปีหลังจากที่เด็กหญิง Amber ถูกลักพาตัวและสังหารโหดภายใต้ชื่อว่า

Amber Alert Plan ซึ่งการทำงานจะประสานกันระหว่างตำรวจและสื่อมวลชน

โดยในทันทีที่ได้รับแจ้งว่ามีเด็กถูกลักพา สถานีโทรทัศน์และวิทยุในท้องถิ่น

จะรายงานสดถึงรูปพรรณเด็ก รูปพรรณของคนร้าย ป้ายทะเบียนรถต้องสงสัย ฯลฯ

รวมถึงภาพถ่ายของเด็ก และของผู้ก่อเหตุซึ่งหลายกรณีเป็นคนในครอบครัวเด็กนั่นเอง

 

 

 

 

Amber Alert ทำงานได้ผลในเท็กซัส ต่อมาในปี 2000 อเมริกาจึงประกาศใช้ Amber Alert
ในกรณีเด็กหายทั่วทั้งอเมริกา หากแต่มีข้อจำกัดว่าเด็กที่ถูกแจ้งหายนั้นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 17 ปีลงมา
และการพิจารณาใช้ Amber Alert ก็ให้อยู่ที่การตัดสินใจร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ประจำท้องถิ่นนั้นๆ และหลายครั้งที่ Amber Alert

ถูกนำมาใช้ตามหาผู้ที่มีอายุมากกว่า 17 ปีด้วยในกรณีฉุกเฉินจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

Amber tree อนุสรณ์ ณ สถานที่สุดท้ายที่มีผู้เห็นเธอ

ก่อนถูกลักพาตัว

 

 

 

 

 


ในบ้านเรานั้น น้อยครั้งมากที่จะได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือประกาศตามหาเด็กหาย
และเป็นประจำที่จะได้ยินว่า พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กได้ขอเข้ารับความช่วยเหลือจากมูลนิธิต่างๆ
ก็เพราะไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ดีพอจากเจ้าหน้าที่รัฐ บ่อยครั้งที่พ่อแม่ไปแจ้งเด็กหาย
แต่ถูกตำรวจตะเพิดไล่ให้กลับไปนอนรอจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง หลังจากที่เด็กได้หายไป
แล้วค่อยกลับมาแจ้งความใหม่ ภาระในการติดตามหาเด็กที่หายออกจากบ้านไปจึงถูกผลักให้ไปอยู่
ที่มูลนิธิต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก แม้ว่าบ้านเรากรณีลักพาตัวอาจจะน้อยกว่ากรณีถูกล่อลวง
หรือหนีออกจากบ้านไปเองก็ตาม

 

 

 

 

คงจะต้องยอมรับว่าปัญหาเด็กและเยาวชนในบ้านเรานั้น เป็นปัญหาท้ายๆที่รัฐบาลผู้บริหารประเทศ
จะหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง เนื่องจากว่ารัฐบาลและผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัยต่างยุ่ง
กับการจัดการความกระสันต์ในอำนาจของตัวเองเป็นหลัก เรื่องอื่นนั้นไม่สำคัญเท่า
จนกว่า ... จะมีเด็กถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมซักที ก็จะกระดิกตัวหันมาหาทางล้อมคอกกันซะคราว
หรือไม่ก็มีข่าวกับเด็กทางหน้าสื่อแล้วซะครั้ง ทีนี้ละคุณเอ๊ยย .. ท่านนั่น ท่านนี่ คุณโน่น คุณนั้น
แห่กันไปให้ความช่วยเหลือทันทีจนน่าหมั่นไส้ แต่ถ้าไม่มีข่าวทางหน้าสื่อ

ต่อให้เด็กมันปลูกกระต๊อบไม่มีฝาอยู่หน้าบ้าน อบต. ก็ไม่เคยมีใครชายตาแล

 http://mblog.manager.co.th/sazzie/Amber-Alert/



--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew