"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Blognone
Share |

Suthichai Online - ข่าวประจำวัน

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

เมืองใหญ่ยังเหลือน้ำใจอยู่ เสียงจาก"จา"ผู้อยู่ในโลกมืด

เมืองใหญ่ยังเหลือน้ำใจอยู่ เสียงจาก"จา"ผู้อยู่ในโลกมืด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 มีนาคม 2553 09:12 น.
       ในวินาทีเดียวกับที่คนอีกนับพันนับหมื่นกำลังนึกเบื่อหน่ายชีวิตอัน เร่งรีบท่ามกลางบรรยากาศอันเหือดแห้งของน้ำใจไมตรีในเมืองใหญ่ ยังมีเด็กสาวคนหนึ่ง มองเห็นความงามของกรุงเทพฯ ในมุมที่คนตาดีอย่างเราๆ ท่านๆ อาจไม่เคยได้เห็น ทว่าเธอคนนี้ "เห็น" ด้วย "สัมผัส" จาก "หัวใจ"
       
       “ ทุกๆวันจะมีคนเดินเข้ามาช่วยเหลือจาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาช่วยพยุงหรือจูง รวมไปถึงเข้ามาอำนวยความสะดวกช่วยเหลืออื่นๆไม่เคยกลัวหรือหวาดระแวงว่าเขา จะเข้ามาทำร้ายเพราะคิดว่าทุกคนที่เห็นเรา แล้วตั้งใจเข้ามาช่วย ก็ย่อมมีพื้นฐานเป็นคนที่มีจิตใจดี มีน้ำใจ ฉะนั้นต้องไม่ใช่คนร้ายอย่างแน่นอน”

“จา-จารุพรรณ เนตรพุกณะ” นิสิตปริญญาโทMBA สาขาสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยนเรศวร
       และนี่ก็คือมุมมองและประสบการณ์จากปากของสาวนักสู้ผู้พิการทางสายตา อย่าง “จา-จารุพรรณ เนตรพุกณะ” นิสิตปริญญาโทMBA สาขาสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยนเรศวร หรืออีกหนึ่งบทบาทกับการทำงานเป็นพนักงานบริษัทตัวแทนขายประกันชีวิต บริษัทไทยประกันชีวิต สองตำแหน่งภาระหน้าที่ ที่ทำให้เธอจำเป็นต้องใช้ชีวิตบนท้องถนนแต่เธอก็พร้อมที่จะทำให้วันทุกวัน ของเธอเป็นเฉกเช่นคนปกติ
       
       “ไม่ ได้บอดสนิทค่ะ ยังพอเห็นบ้างแต่น้อยมาก ซึ่งมันไม่ใช่อุปสรรคเลยเพราะเส้นทางที่ใช้เดินทาง คือรถไฟฟ้าเวลาไปทำงาน แล้วเย็นวันศุกร์ หรือวันเสาร์ อาทิตย์ก็จะไปเรียนต่อแถวบริเวณสาทรซึ่งในระหว่างที่เดินทางก็จะมีพี่รปภ .ของรถไฟฟ้าช่วยเป็นคนนำทางให้ โดยจะขึ้นที่สถานีวงเวียนใหญ่แล้วไปลงที่ทำงาน จากนั้นก็นั่งกลับบ้านแบบนี้ทุกวัน จนหนูซี้กะพี่รปภ. ส่วนการเดินทางอื่นๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างขาประจำ ส่วนรถเมล์หนูที่จะต้องอาศัยถามสายรถ หรือให้ช่วยจูงไปขึ้น” จาเล่าถึงชีวิตประจำวัน

       เธอบอกต่ออีกว่าแม้การผจญภัยบนท้องถนนอย่างคนตาดีสำหรับเธอแม้จะเต็ม ไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคล้นหลาม แต่หากมองโลกในแง่บวกตามสไตล์สาวน่ารักอารมณ์ดีรายนี้เธอบอกว่านับเป็น “โชค” ที่คนตาดีเข้าไม่ถึงจริงๆ
       
       “ คนปกติทั่วไปเขามักจะเบื่อการเบียดเสียดแน่นของรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือจำนวนรถที่หนาแน่นบนท้องถนน แต่สำหรับเรากลับไม่รู้สึกลำบากค่ะ เพราะมันกลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับหนู ที่ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับน้ำใจจากคนใจดีที่เข้ามาช่วยเหลือ ยกตัวอย่าง มีครั้งหนึ่งหนูได้เจอกับเด็กราชภัฎฯ และถามว่ารอรถเมล์สายอะไร และไปไหน เราก็บอกเขาว่า เรากำลังจะไปซื้อรองเท้าที่อนุเสาวรีย์ ซึ่งเขาก็คงงงว่าเราจะซื้อได้ยังไงเพราะมองไม่เห็น แต่เราก็รีบบอกเขาไปว่าเวลาจะซื้อรองเท้าหรือเสื้อผ้า ซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะให้คนขายดูความเหมาะสมให้ แม้ว่าส่วนใหญ่คนขายจะบอกว่าเหมาะเพราะอยากขายก็ตาม พอเล่าจบเด็กราชภัฎฯคนนั้นก็อาสาพาเราไปซื้อรองเท้าเองเลย เพราะน้องเขากลัวเราจะโดนคนขายหลอกให้ซื้อ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้หนูรู้สึกดีและรู้สึกว่ามนุษย์เรามี น้ำใจให้กันอย่างมาก”

       หญิงสาวรายนี้ระบุถึงความเป็นตัวตนของเธอต่ออีกว่านอกจากการทำตัว เหมือนคนปกติจะทำให้เธอรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือตนเองแล้ว หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาก็ช่วยทำให้เธอ แจ่มใส ไม่จมกับความทุกข์
       
       “หนู ชอบฟังธรรมมะตั้งแต่เด็กๆเพื่อให้จิตใจสงบ โดยปัจจุบันก็จะฟังจากเอ็มพีสาม ในช่วงเวลาเดินทางเพราะหลักธรรมคำสั่งสอนของพระเจ้าจะช่วยให้เราเข้าใจโลก เข้าใจความจริงและอยู่กับมันไปได้อย่างมีความสุขซึ่งส่วนใหญ่จะชอบฟังของ ท่านพระพุทธทาส ท่านอาจารย์ว.วชิรเมธี หลวงพ่อพุทธอิสระ และนำหลักคิดมาใช้ชีวิต รวมไปถึงยังลด ละ เลิกการกินเนื้อสัตว์ ที่ได้แนวคิดนี้มาจากการฟังธรรมที่จะเป็นตัวยึดให้หนูไม่เครียดกับภาวะงาน และภาวะการเรียน รวมไปทั้งภาวะสภาพร่างกาายและจิตใจด้วย” จา เล่าอย่างสบายๆพร้อมพูดถึงปัญหาความเครียดสำหรับคนสมัยนี้ตามมุมมองของเธอ อีกว่า สังคมมันเปลี่ยน จิตใจคนก็เสื่อมโทรม ทำให้ทุกๆคนมีภาวะเครียดขึ้นง่าย จนลืมคิดไปว่าการมีความทุกข์หรือความสุขนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งรอบตัว แต่แท้จริงแล้วก็ขึ้นอยู่กับใจตัวเอง

       “อุปสรรคของคนเรา ทุกอย่างก็คือความเครียด เพราะคนเรามักหวาดกลัวว่าตนเองจะทุกข์ อย่างจาเองจาก็ทุกข์ค่ะ ทุกข์กับทั้งการเรียนการทำงานที่มีความกดดันเรื่องของเวลาและจะต้องบริหาร ให้ได้ แต่ทางออกของหนูก็คือการฟังธรรมะที่จะสอนให้เรารู้จักหน้าที่ของตนเอง และมีสติในการแก้ปัญหา ซึ่งถ้าทุกคนไม่เอาใจออกห่างจากธรรมมะ แต่หมั่นฟังธรรม ระลึกถึงคำสอนโดยเฉพาะวัยรุ่น จาว่าก็จะทำให้พวกเรารู้จักแก้ปัญหาเก่ง และไม่หลงผิด” จาให้ข้อคิดทิ้งท้าย
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000029011
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
http://facthai.wordpress.com/ ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew