|
ในวินาทีเดียวกับที่คนอีกนับพันนับหมื่นกำลังนึกเบื่อหน่ายชีวิตอัน เร่งรีบท่ามกลางบรรยากาศอันเหือดแห้งของน้ำใจไมตรีในเมืองใหญ่ ยังมีเด็กสาวคนหนึ่ง มองเห็นความงามของกรุงเทพฯ ในมุมที่คนตาดีอย่างเราๆ ท่านๆ อาจไม่เคยได้เห็น ทว่าเธอคนนี้ "เห็น" ด้วย "สัมผัส" จาก "หัวใจ" “ ทุกๆวันจะมีคนเดินเข้ามาช่วยเหลือจาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาช่วยพยุงหรือจูง รวมไปถึงเข้ามาอำนวยความสะดวกช่วยเหลืออื่นๆไม่เคยกลัวหรือหวาดระแวงว่าเขา จะเข้ามาทำร้ายเพราะคิดว่าทุกคนที่เห็นเรา แล้วตั้งใจเข้ามาช่วย ก็ย่อมมีพื้นฐานเป็นคนที่มีจิตใจดี มีน้ำใจ ฉะนั้นต้องไม่ใช่คนร้ายอย่างแน่นอน” | ||||
“ไม่ ได้บอดสนิทค่ะ ยังพอเห็นบ้างแต่น้อยมาก ซึ่งมันไม่ใช่อุปสรรคเลยเพราะเส้นทางที่ใช้เดินทาง คือรถไฟฟ้าเวลาไปทำงาน แล้วเย็นวันศุกร์ หรือวันเสาร์ อาทิตย์ก็จะไปเรียนต่อแถวบริเวณสาทรซึ่งในระหว่างที่เดินทางก็จะมีพี่รปภ .ของรถไฟฟ้าช่วยเป็นคนนำทางให้ โดยจะขึ้นที่สถานีวงเวียนใหญ่แล้วไปลงที่ทำงาน จากนั้นก็นั่งกลับบ้านแบบนี้ทุกวัน จนหนูซี้กะพี่รปภ. ส่วนการเดินทางอื่นๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างขาประจำ ส่วนรถเมล์หนูที่จะต้องอาศัยถามสายรถ หรือให้ช่วยจูงไปขึ้น” จาเล่าถึงชีวิตประจำวัน | ||||
“ คนปกติทั่วไปเขามักจะเบื่อการเบียดเสียดแน่นของรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือจำนวนรถที่หนาแน่นบนท้องถนน แต่สำหรับเรากลับไม่รู้สึกลำบากค่ะ เพราะมันกลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับหนู ที่ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับน้ำใจจากคนใจดีที่เข้ามาช่วยเหลือ ยกตัวอย่าง มีครั้งหนึ่งหนูได้เจอกับเด็กราชภัฎฯ และถามว่ารอรถเมล์สายอะไร และไปไหน เราก็บอกเขาว่า เรากำลังจะไปซื้อรองเท้าที่อนุเสาวรีย์ ซึ่งเขาก็คงงงว่าเราจะซื้อได้ยังไงเพราะมองไม่เห็น แต่เราก็รีบบอกเขาไปว่าเวลาจะซื้อรองเท้าหรือเสื้อผ้า ซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะให้คนขายดูความเหมาะสมให้ แม้ว่าส่วนใหญ่คนขายจะบอกว่าเหมาะเพราะอยากขายก็ตาม พอเล่าจบเด็กราชภัฎฯคนนั้นก็อาสาพาเราไปซื้อรองเท้าเองเลย เพราะน้องเขากลัวเราจะโดนคนขายหลอกให้ซื้อ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้หนูรู้สึกดีและรู้สึกว่ามนุษย์เรามี น้ำใจให้กันอย่างมาก” | ||||
“หนู ชอบฟังธรรมมะตั้งแต่เด็กๆเพื่อให้จิตใจสงบ โดยปัจจุบันก็จะฟังจากเอ็มพีสาม ในช่วงเวลาเดินทางเพราะหลักธรรมคำสั่งสอนของพระเจ้าจะช่วยให้เราเข้าใจโลก เข้าใจความจริงและอยู่กับมันไปได้อย่างมีความสุขซึ่งส่วนใหญ่จะชอบฟังของ ท่านพระพุทธทาส ท่านอาจารย์ว.วชิรเมธี หลวงพ่อพุทธอิสระ และนำหลักคิดมาใช้ชีวิต รวมไปถึงยังลด ละ เลิกการกินเนื้อสัตว์ ที่ได้แนวคิดนี้มาจากการฟังธรรมที่จะเป็นตัวยึดให้หนูไม่เครียดกับภาวะงาน และภาวะการเรียน รวมไปทั้งภาวะสภาพร่างกาายและจิตใจด้วย” จา เล่าอย่างสบายๆพร้อมพูดถึงปัญหาความเครียดสำหรับคนสมัยนี้ตามมุมมองของเธอ อีกว่า สังคมมันเปลี่ยน จิตใจคนก็เสื่อมโทรม ทำให้ทุกๆคนมีภาวะเครียดขึ้นง่าย จนลืมคิดไปว่าการมีความทุกข์หรือความสุขนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งรอบตัว แต่แท้จริงแล้วก็ขึ้นอยู่กับใจตัวเอง | ||||
|
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น